Category: สุขภาพ กาย&ใจ

เรียนสมาธิ นั่งสมาธิ ฟรี – สถาบันพลังจิตตานุภาพ

ข่าวดี !! สถาบันพลังจิตตานุภาพกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 30
เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด
สอนการปฏิบัติตามแนวทางของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
จัดตั้งหลักสูตรโดย พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินธโร)

การเรียน
* ปฐมนิเทศน์: 12 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 13.00 น.
* เริ่มเรียน: 13 กุมภาพันธ์ 2555 (ภาคปกติ) และ  18 กุมภาพันธ์ 2555 (ภาคพิเศษ)
* วัน และ เวลาเรียน:
– ภาคปกติ: วันจันทร์ – วันศุกร์  เวลา 18.00 – 20.30 น.
– ภาคพิเศษ: วันเสาร์ – อาทิตย์  เวลา 09.00 – 17.00 น.
* ระยะเวลาเรียน: 6 เดือน

การรับสมัคร
* วัน: ทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้ – 12 กุมภาพันธ์ 2555
* เวลา: 16.00 – 20.30 น.
* สถานที่: สถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์นำชัย 15
145 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
(อยู่ถัดจาก ธนาคารออมสิน ประมาณ 100 เมตร)

คุณสมบัติของผู้สมัคร
* บุคคลทั่วไป / นักเรียน / นักศึกษา
* อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
* มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ชั้น ม.3 ขึ้นไป
* สุขภาพดี แข็งแรง
* มีความอดทน ตั้งใจ และศรัทธา
* ไม่เป็นผู้มีสติฟั่นเฟือน
* ปฏิบัติตามกฎของสถาบันโดยเคร่งครัด
หลักฐานการสมัคร
* รูปถ่ายขนาด 1” จำนวน 2 รูป
* สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ฉบับ
* สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
* 081 272 0062, 083 594 1325

การฝังเข็ม รักษาโรคไมเกรน

ตั้งแต่ผมหายจากอาการปวดเนื่องจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ผมก็ไปไม่ได้ไปคลินิกฝังเข็มของหมออุย (ชื่อเต็มคือ คุณหมอซีฮาวอุย หรือ Dr. Kingston C. H. Ooi)ซะนาน วันนี้ได้มีโอกาสพาน้องที่ออฟฟิตไปหาหมอ จึงมีเรื่องมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง

น้องที่ออฟฟิตคนหนึ่ง มีอาการปวดหัวและอาเจียนในตอนเช้าและตอนเย็น อีกทั้งมีอาการหลงลืม เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน วันนี้กลับจำไม่ได้แล้ว อีกทั้งเคยหน้ามืดสลบหมดสติไปหลายครั้งตั้งแต่เด็ก ไปหาหมอหลายท่านก็มีคำแนะนำต่างๆ แต่อาการก็ยังไม่ค่อยจะดีขึ้น

ผมลองแนะนำน้องให้ไปหาหมออุย อย่างน้อยก็เป็นอีก 1 ทางเลือกที่น่าจะลองดู วันนี้ได้โอกาสดี ผมจึงพาน้องไปพบหมออุยที่คลินิกในหมู่บ้านบ้านร่มไม้ชายเล ตอนวินิจฉัย หมออุยซักถามถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งคุณหมอคนอื่นที่น้องเขาเคยไปตรวจไม่เคยถาม เช่น

– ปกติ เวลานอนหงายแล้วหายใจไม่ออกใช่หรือไม่
น้องตอบ: ใช่

– ปกติ นอนดูทีวีบ่อยไหม
น้องตอบ: ปกติไม่ชอบดูทีวี

– ปัจจุบัน เวลานอนนอนคว่ำใช่หรือไม่
น้องตอบ: ใช่

– แล้วมีอาการปวด ตึงๆ บริเวณบ่าและต้นคอด้วย ใช่หรือไม่
น้องตอบ: ใช่

คำตอบส่วนมากเป็นจริงอย่างที่คุณหมอสันนิษฐาน ไม่น่าเชื่อว่าคุณหมอรู้ได้อย่างไร ทั้งๆที่หมอคนอื่นไม่เคยถามแบบนี้ คุณหมอบอกว่า เพราะความดันของน้องต่ำมาก จึงเป็นเหตุของอาการทั้งหมด และยิ่งนอนคว่ำ จะทำให้เกิดการกดทับบริเวณคอ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่สะดวก อาการก็ยิ่งแต่ลง คุณหมออุยวินิจฉัยว่าน้องน่าจะเป็นไมเกรน

คุณหมอรักษาด้วยการจัดกระดูก และฝังเข็ม หลังจากจัดกระดูก (ช่วงคอ) น้องก็บอกว่าโล่งสบายขึ้น หลังจากฝังเข็มน้องมีอาการชานิดหน่อย ก็คงต้องดูต่อไปว่าอาการจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนครับ

บางครั้งสิ่งที่เราทำทุกวัน คิดว่าเป็นเรื่องปกติ อาจจะเป็นพฤติกรรมที่มาทำร้ายตัวเราเองก็ได้ ที่คุณหมออุยแนะนำคือ คนสมัยนี้เป็นโรคเกี่ยวกับพฤติกรรมมาก เช่น นอนดูทีวี ดูหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาการเหล่านี้ทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายเราได้ ก็อยากให้เพื่อนๆได้ระวังไว้ด้วยครับ

ความสุข อยู่ที่รู้จักพอ

เมื่อได้อ่านหนังสือ ดูคลิปของ ท่าน ว. วชิรเมธี บ่อยครั้งที่ได้ธรรมะจับใจมาก ในความคิดของผม ท่านเป็นอัจฉริยะบุคคลท่านหนึ่ง ท่านสามารถอธิบายเรื่องยากๆให้เป็นเรื่องง่าย อธิบายสิ่งที่อธิบายยาก เป็นนามธรรม ให้เป็นรูปธรรม ทำให้เราๆท่านๆเข้าใจได้ง่ายขึ้น

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ก็ได้ดูคลิป “ใจที่รู้จักพอ เป็นใจที่มีความสุข” แล้วประทับใจมาก จึงอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆรับรู้ด้วย ประเด็นที่ผมจับได้มี 2 ประเด็นหลัก

1. ความสุขไม่ได้ขึ้นกับขนาดทรัพย์สิน หรือวัตถุสิ่งของ เรามีความสุขได้ทุกวัน ถ้ามีเรามีความพอดี และพอใจในสิ่งที่ตนมี พอใจในสิ่งที่ตนเป็น

2. ที่สำคัญ อย่าเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น

อันนี้ตรงใจผมมากทีเดียว ความพอดี เป็นของใครของมัน ความพอดีของเราก็ไม่เท่ากับคนอื่น เช่น เรามีรายได้ 10,000 บาท/เดือน เราทานข้าวจานละ 35-40 บาท ก็พอดีและมีความสุขได้แบบเรา เขามีรายได้ 50,000 บาท/เดือน เขาทานข้าวมื้อละ 100 บาท ก็พอดีและมีความสุขได้แบบเขา แต่ที่สำคัญทุกคนก็กินได้มากที่สุดแค่ 1 อิ่ม อิ่มของใครก็ของมัน ต้องหาสมดุลของตัวเอง

บางครั้งเราไม่มีความสุข เพียงเพราะเราไปเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่นแค่นั้นเอง ไปคิดว่าเขามีมากกว่า ดีกว่า เราต้องมีให้เหมือนเขา ก็ตัวเราเองนั่นแหละที่ทำให้ตัวเราไม่มีความสุข

นั่งสมาธิ ทำไมยากจัง

คงเป็นธรรมดาของการที่เราไม่เคยทำอะไรบางอย่าง และลองทำเป็นครั้งแรก ก็จะรู้สึกขัดๆ หรือยาก เป็นเรื่องธรรมดา การเรียนสมาธิ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่ดูเหมือนไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายสำรับคนธรรมดาอย่างเราที่มีชีวิตอันวุ่นวายอยู่ในสังคมและการทำงาน

หลายๆท่านคงมีปัญหาเหมือนๆกันเวลาหัดนั่งสมาธิใหม่ๆคือ เราก็ได้แต่นั่งขัดสมาธิ เอามือขวาหงายทับมือซ้าย ท่องพุทโธได้แค่คำสองคำ ใจของเราก็ไม่ได้อยู่ที่พุทโธแล้ว เตลิดไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ อันนี้อยากให้ท่านเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของจิต (หรือใจ) ของเราเอง ไม่ได้แปลกอะไร

ใจของเรา มันก็มีคุณสมบัติของมัน เช่น ดิ้นรน กวัดแกว่ง ห้ามยาก รักษายาก เที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียว เป็นต้น แค่ท่านรู้คุณสมบัติเบื้องต้นของใจแค่นี้ท่านก็รู้แล้วใช่ไหมครับว่าใจเราเหมือนลิง แต่ไวยิ่งกว่า แค่เราจับลิงมาให้อยู่นิ่งๆก็ยากแล้ว จับใจให้อยู่นิ่งก็ยากยิ่งกว่า

แล้วจะทำอย่างไรให้ใจอยู่นิ่ง

ลิงอยู่นิ่งได้ก็ต้องฝึก ใจเราจะนิ่งจะสงบได้ก็ต้องฝึกเช่นกัน การที่เราทำงาน มีกิจกรรมมาทั้งวัน แล้วมานั่งสมาธิให้จิตใจสงบ บางครั้งมันเป็นการยากจริงๆ เหมือนน้ำที่ไหลเชี่ยวมา แล้วเราเอาอะไรไปขวางให้หยุดนิ่ง มันก็เอาไม่อยู่ ถูกแรงน้ำพัดไปหมด วิธีหนึ่งที่จะช่วยได้คือ การเดินจงกรม ก่อนนั่งสมาธิ การเดินจงกรมจะช่วยกรองอารมณ์ ช่วยลดระดับอารมณ์ที่วุ่นวายมาทั้งวัน เหมือนช่วยชะลอกระแสน้ำที่เชี่ยว

ผมเจอคนที่เคยลองทำสมาธิหลายท่าน ที่บางครั้งจิตใจไม่ค่อยนิ่งเวลานั่งสมาธิ เมื่อได้เดินจงกรมก่อน การนั่งสมาธิก็จะได้ผลดี ใจสงบขึ้นมาก บางคนที่มาเรียนที่สถาบันพลังจิตตานุภาพครั้งแรกๆ ก็แปลกใจที่ทำไมตัวเองรู้สึกสงบมากกว่าปกติ ก็เพราะเราเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิ

แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาทีก็ยากแล้ว

สำหรับคนเริ่มใหม่ (หรือแม้กระทั่งคนเก่า) แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาที ไม่ให้วอกแวกไปเรื่องอื่นเลย แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อันนี้ไม่ต้องตกใจครับเพราะเป็นกันทุกคน เราก็ต้องค่อยๆหัดตะล่อมใจตัวเองให้มาอยู่กับพุทโธ ฝึกให้ใจมาอยู่ที่จุดๆเดียวด้วยการนึกพุทโธ

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้กรุณาแนะนำว่า ให้สมมุติ “พุทโธ” เหมือนกับกระสุนปืน เมื่อมีอารมณ์หรือมีความคิดเข้ามา ให้เรานึกพุทโธเพื่อทำลายอารมณ์หรือความคิดเหล่านั้น เหมือนกับการที่เราเอากระสุนยิงศัตรู ยิ่งถ้ามีอารมณ์หรือความคิดเข้ามามาก ก็ให้เรานึกพุทโธถี่ขึ้น (ท่องพุทโธถี่ๆ) เหมือนกับเวลามีศัตรูเข้ามามาก ยิงกระสุนทีละนัดคงไม่ทัน ก็ต้องใช้การยิงปืนกลเพื่อฆ่าศัตรู (การนึกพุทโธ ไม่จำเป็นต้องตามจังหวะลมหายใจ)

ในบางครั้ง หากเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องคิด เราอาจจะคิดให้เสร็จขณะเดินจงกรมก็ได้ คิดเสร็จแล้วค่อยนึกพุทโธใหม่ก็ได้เช่นกัน การคิดในขณะที่เดินจงกรม ขณะที่ใจเราสงบ มีสมาธิ บางครั้งก็ทำให้เราได้ความคิดอะไรดีๆเหมือนกัน

สิ่งที่ยากกว่าคือการทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง

อย่างที่รู้กันแล้วว่า แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาทีก็ยากแล้ว แต่ทำอย่างไรที่เราจะฝึกนั่งสมาธิได้ทุกวัน อันนี้ยากกว่า แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ได้ ถ้าให้ผมเปรียบเทียบ ก็เหมือนกับเวลาเราต้มน้ำ เรายกกาต้มน้ำบนเตาไฟ ตั้งแค่ 2 นาทีแล้วยกออก รอไปอีก 2 ชั่วโมง แล้วก็เอากาไปตั้งบนเตาอีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปกี่เดือนกี่ปี น้ำไม่มีวันเดือดแน่นอน การทำสมาธิก็เช่นกัน ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ผลที่ได้ก็จะไม่เต็มที่

ใจของเรา มักจะสกปรกได้ง่าย สกปรกจากอารมณ์ต่างๆ ทั้งทำให้สุขและทุกข์ ในชีวิตประจำวันของเรา เจอกับอารมณ์ต่างๆเข้าสู่ใจตลอดเวลา ถ้าเราไม่หมั่นทำความสะอาด ใจของเราก็จะค่อยๆขุ่นมัว เพราะฉะนั้นเราควรจะปฏิบัติสมาธิอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำความสะอาดใจของเรา แค่ครั้งละ 5 นาทีก็ได้ ทำวันละ 3 ครั้งเหมือนทานข้าว 3 มื้อ

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้สอนพวกเราว่า “การทำสมาธิ เวลาขยันก็ทำ เวลาขี้เกียจก็ต้องทำ” ผมก็ปฏิบัติตามนั้น หมายความว่า เวลาขี้เกียจ เราได้ทำน้อยดีกว่าไม่ได้ทำเลย แต่ทำให้เป็นนิสัย ในปัจจุบัน ผมสามารถตื่นตอนตีห้าครึ่ง นั่งสมาธิ เดินจงกรม อย่างละ 30 นาทีแทบทุกวัน จริงๆแล้วทำทุกวันครับ แต่วันที่นอนดึก ตื่นไม่ไหว อาจทำน้อยกว่า 30 นาที เพื่อทำให้ติดเป็นนิสัย

ทำสมาธิแล้ว เหมือนไม่ได้อะไร

เป็นความรู้สึกปกติครับ เพราะการเรียนสมาธิ เป็นการทำงานกับใจ เป็นเรื่องของนามธรรม มันวัดกันยาก จะมีใครมาวัดให้เราก็ไม่ได้ เหมือนกับเรารับประทานอาหารแล้วอร่อยหรืออิ่ม ไม่มีใครมาบอกได้ว่าเราอร่อยหรืออื่ม ตัวเราจะรู้ตัวเราเองไม่มีใครบอก

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้เปรียบเทียบเหมือนเราเรียนหนังสือแล้วได้ความรู้ ลองนึกดูซิครับเราเรียนหนังสือแล้วเราได้ความรู้เมื่อไหร่ ลองคิดถึงเด็กๆที่อ่านไม่ออก แล้วหัดอ่าน ก ข ค .. เขาได้ความรู้เมื่อไหร่ บางทีเราตอบไม่ได้ แต่รู้อีกทีตอนสิ้นเทอม หรือสิ้นปีว่าเขามีความรู้เพิ่มขึ้นแล้ว เขาอ่านออกเขียนได้แล้ว การเรียนสมาธิก็เช่นเดียวกัน ตัวเราเองจะค่อยๆพัฒนาทีละเล็กทีละน้อย จนเวลาผ่านไป 2-3 เดือน เราจะสังเกตเห็นว่าเราเริ่มเปลี่ยนไป

รู้ได้อย่างไรว่าที่ทำสมาธิมาได้ผล

ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาครูสมาธิ อาจารย์ก็ถามพวกาเราอย่างนี้ในห้องเรียน หลังจากที่เราเรียนสมาธิไปได้ประมาณ 3 เดือน พวกเราก็ตอบกันไม่ค่อยถูกเหมือนกัน แต่พออาจารย์ตั้งคำถามใหม่ “ใครรู้สึกว่าตัวเองโกรธน้อยลง โกรธยาก หายเร็ว ซึาเศร้าน้อยลง นอนหลับสบายขึ้น หลับลึก ง่วงนอนน้อยลง ใจสบายขึ้น” พวกเราทุกคนเห็นด้วยว่าพวกเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นี่แหละครับการวัดผลขั้นต้น และเป็นผลที่ได้จากการเรียนสมาธิ

ถึงตอนนี้แล้ว ถ้าท่านทำความเข้าใจ และเริ่มคุ้นเคยกับการทำสมาธิ ก็จะเริ่มรู้ว่าการทำสมาธินั้นไม่ยาก จริงๆแล้วนอกจากปัญหากับใจข้างต้นแล้ว การเริ่มทำสมาธิใหม่ๆยังมีปัญหากับกาย เช่น นั่งนานแล้วปวดเมื่อย แรกๆอาจต้องอาศัยความอดทน ต่อจากนั้นก็จะเริ่มชิน สำหรับท่านที่นั่งขัดสมาธิไม่ได้ นั่งเก้าอี้แทนก็ได้ครับ การทำสมาธิเรื่องใหญ่คือการทำงานกับใจ ถ้าเราทำงานกับใจเป็น เรื่องกายนั้นไม่ใช่ปัญหา

 ท่านสามารถศึกษาวิธีปฏิบัติของสถาบันพลังจิตตานุภาพโดยคลิก การเดินจงกรม และ  การนั่งสมาธิ   ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามวิธีการของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

รับสมัคร เรียนสมาธิ ฟรี – สถาบันพลังจิตตานุภาพ

ข่าวดี !! สถาบันพลังจิตตานุภาพกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 29
เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด

การเรียน
* ปฐมนิเทศน์: 14 สิงหาคม 2554
* เริ่มเรียน: 15 สิงหาคม 2554
* วัน และ เวลาเรียน: วันจันทร์ – วันศุกร์  เวลา 18.00 – 20.30 น.
* ระยะเวลาเรียน: 6 เดือน

การรับสมัคร
* วัน: ทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้ – 14 สิงหาคม 2554
* เวลา: 16.00 – 20.30 น.
* สถานที่: สถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์นำชัย 15
145 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
(อยู่ถัดจาก ธนาคารออมสิน ประมาณ 100 เมตร)

คุณสมบัติของผู้สมัคร
* บุคคลทั่วไป / นักเรียน / นักศึกษา
* อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
* มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ชั้น ม.3 ขึ้นไป
* สุขภาพดี แข็งแรง
* มีความอดทน ตั้งใจ และศรัทธา
* ไม่เป็นผู้มีสติฟั่นเฟือน
* ปฏิบัติตามกฎของสถาบันโดยเคร่งครัด

หลักฐานการสมัคร
* รูปถ่ายขนาด 1” จำนวน 2 รูป
* สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ฉบับ
* สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
* อ.ฉวีวงศ์ สกุลตัน 089-6527969
* คุณสถิตชัย นวะมะรัตน 081-7192979
* คุณวันชัย ปิติ 081-6361466

 

ไปเรียน “สมาธิ” กันเถอะ

ถึงวันนี้ก็เป็นเวลาประมาณ 1 ปี ที่ผมได้เรียนสมาธิ ฝึกการนั่งสมาธิ เดินจงกรมอย่างเป็นระบบ การเรียนที่เริ่มต้นเพียงแค่อยากรู้ ผมเข้าสมัครเรียนสมาธิกับ สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขาภูเก็ต ด้วยเหตุผมส่วนตัว 2-3 ข้อ

1. อยากรู้ – ผมคิดว่าการเรียนสมาธิก็เหมือนไปลงทะเบียนเรียนวิชาหนึ่งเพราะแค่อยากรู้ เมื่อได้เรียนแล้ว ก็ได้รู้ว่ามันเป็นเคล็ดวิชาการบริหารคือเป็นวิชาบริหารใจ ผมเป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้อยู่แล้ว แต่ขี้เกียจ ไม่ค่อยชอบอ่าน เลยอาศัยไปเข้าอบรมตามที่ต่างๆ เพราะผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า “การที่เราจะแก้ปัญหาอะไรได้ เราต้องมีความรู้ใหญ่กว่าปัญหานั้น”

2. สงสัย – ผมเคยคิดในใจว่า คนเราเวลาอายุมากขึ้น หลายคนก็หันเข้าวัดเข้าวา ศึกษาธรรมะมากขึ้น ถ้ามันดี ถ้าวันหนึ่งเวลาอายุมากเราต้องมาศึกษา ทำไมเราไม่ศึกษาวันนี้ซะเลย ถ้ามันดีเราก็ได้รู้ก่อนคนอื่น และไม่เสียเวลาของตัวเอง

หลังจากที่ได้เรียน หลายคนก็สงสัย “เธอมีความทุกข์ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า จึงไปเรียนสมาธิ” จริงๆแล้วผมไม่ได้มีความทุกข์อะไรครับ และได้อ่านหนังสือหลายเล่มที่คนเขียนเจอวิกฤตชีวิต แล้วจึงเข้าหาธรรมะ หลายคนโชคดี หลุดพ้นปัญหามาได้ แต่หลายคนไม่ได้โชคดีเช่นนั้น ผมอยากให้ข้อคิดอันหนึ่ง “เวลาที่เราจะจมน้ำ ไม่ใช่เวลาที่จะมาหัดว่ายน้ำ”  ในวันที่เรามีปัญหาจริงๆ วันนั้นใจของเราอาจจะมืดมนจนหาทางออกไม่ได้ก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้น เราควรมาเริ่มทำใจของเราให้แข็งแรง และสดใสดีกว่า

ผมอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆรับรู้ถึงประสบการณ์ในการเรียนสมาธิ ที่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นมาก และในเมื่อการเรียนสมาธิทำให้ผมดีขึ้น ก็น่าจะทำให้เพื่อนๆที่เรียนทุกคนดีขึ้นได้เช่นกัน สิ่งที่ผมได้จากการเรียนสมาธิ เช่น

การบริหาใจ การเรียนสมาธิทำให้เรามีสติมากขึ้น สตินั้นทำให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น พอเราเข้าใจทั้งตัวเองและผู้อื่น ชีวิตเราก็มีความสุขมากขึ้น

สุขภาพกายและใจดีขึ้น หลังจากที่ผมเรียนสมาธิได้ระยะหนึ่ง ผมก็ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ทุกวัน ทำให้ผมได้ทั้งออกกำลังกาย และการพักผ่อนไปในตัว จึงทำให้ผมมีสุขภาพกายและใจดีขึ้น

อารมณ์ดีขึ้น คนที่เคยเป็นเสือยิ้มยากอย่างผม รู้สึกตัวเองว่ามีความสุขมากขึ้นอย่างชัดเจน เรารู้สึกตัวเองว่าเรายิ้มง่ายขึ้นจากเดิมมาก

มีสติมากขึ้น ข้อนี้ผมคิดว่าสำคัญมาก คนหลายๆคนพลาดพลั้งในชีวิต มิใช่เพราะไม่รู้ แต่เพราะขาดสติไปชั่วคราวแค่นั้นเอง เราทุกคนรู้ถูกผิดดีชั่ว แต่บางครั้งพลาดพลั้งเพราะขาดสติ แล้วก็ต้องมาเสียใจทีหลัง การเรียนสมาธิ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ช่วยให้ผมมีสติมากขึ้นอย่างชัดเจน เวลาโกรธก็รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธ หลังจากนั้นก็โกรธน้อยลง (ผมยังไม่สามารถทำให้ตัวเองไม่โกรธเลย แต่ก็รู้ตัวว่าเราโกรธยากขึ้นมาก และถ้าโกรธมันก็หายไปเร็วกว่าเดิมมาก)

มีประโชน์อีกมากมายที่ได้จากการเรียนสมาธิ ซึ่งนำมาเขียนเท่าไหร่ก็คงไม่หมด

  สถาบันพลังจิตตานุภาพ  จะเปิดรับนักศึกษาครูสมาธิ ปีละ 2 ครั้ง คือ ประมาณเดีอนกุมภาพันธ์ และ เดือนสิงหาคมของทุกปี ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีครับ เป็นช่วงที่กำลังรับสมัครอยู่พอดี ขอเชิญเพื่อนๆที่สนใจสมัครได้ที่ สถาบันพลังจิตตานุภาพ  ทั่วประเทศครับ

คลินิก เป็นสุข – คลินิก หมอเด็ก จ.ภูเก็ต

เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสผ่านไปทาง Software Park ครอบครัวของเราจึงได้มีโอกาสไปเยี่ยม คุณหมอ สุนีวรรณ โตรักษา คุณหมอที่ดูแลลูกชายของผม 2 คนต้้งแต่แรกเกิด

ลูกชายของผมทั้ง 2 คน ก็สุด…. (ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี) เป็นกันสารพัดโรค เคยเป็นทั้ง โรคคาวาซากิ โรคภูมิแพ้ (แบบทดสอบหาไม่เจอว่าแพ้อะไร) โรคอะไรฮิตๆเป็นหมด ไข้หวัด 2009 ลูกชายของผมทั้งสองคนก็เป็นมาแล้ว ก็ได้คุณหมอคนเก่งนี่แหละครับช่วยเอาไว้ได้ทุกครั้งเลย

ต้องยอมรับตามตรงครับว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้พบคุณหมอเลยครับ เพราะสุขภาพของเด็กๆ รวมถึงพวกเราทั้งครอบครัวดีขึ้นมาก จึงไม่ค่อยได้ไปหาหมอ อาจจะมีหวัดบ้างเล็กน้อย ก็กินยาที่คุณหมอเคยแนะนำก็หาย (ไม่เหมือนเมื่อก่อน เจอหน้าคุณหมอแทบทุกเดือน บางเดือนไปตั้ง 2-3 ครั้ง) พอรู้ว่าคุณหมอเปิดคลินิกใหม่ ก็เลยมีโอกาสไปเยี่ยม

ได้มาคลินิกใหม่ของคุณหมอก็รู้สึกดีครับ สถานที่กว้างขวาง ตกแต่งสวยงาม เด็กๆไปแล้วมีความสุขครับ เลยอยากแนะนำคลินิกใหม่ให้เพื่อนๆรู้จักตามภาษาแฟนพันธุ์แท้ของคุณหมอครับ

คลินิก เป็นสุข
(ติดอาคาร Software Park Phuket)
88/9 ม.2 ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก
ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000
โทร 083 103 9111

วัดถ้ำชี (สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม)

วิทิสาสมาธิ การทำสมาธิอย่างง่าย

วันนี้ผมมีเรื่องดีๆ มีประโยชน์สำหรับทุกท่านมาฝากครับ…

การทำสมาธินั้นมีประโยชน์อย่างมากมายสำหรับผู้ปฏิบัติ ทำให้เรามีสติ รู้ตัว ใจเย็น ลดอารมณ์ที่วุ่นวาย เป็นการพักผ่อน และประโยชน์อีกมากมาย การทำสมาธิเป็นการออกกำลังใจซึ่งทำให้จิตใจแข็งแรง เหมือนการออกกำลังกายซึ่งทำให้ร่างกายแข็งแรง

แต่ปัญหาก็คือ เรารู้ว่าดี แต่ไม่ได้ปฏิบัติ หรือไม่มีเวลาปฏิบัติ เหมือนรู้ว่าต้องออกกำลังกาย ออกกำลังกายแล้วดี แต่ก็ไม่ได้ทำ พระอาจารย์หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินธโร จึงคิดวิธีการทำสมาธิแบบง่าย แต่ง่ายแล้วได้ผลมาก เพื่อให้เราทุกคนมีโอกาสได้ทำสมาธิกันอย่างสม่ำเสมอ

อยากให้ทุกท่านลองปฏิบัติดู ง่ายๆ รับรองว่าเห็นผล แต่แน่นอน การที่เรามีร่างกายแข็งแรง เราก็ต้องค่อยๆทำ ค่อยๆฝึก การทำสมาธิเพื่อให้ใจมีกำลังก็เช่นกัน ไม่ได้เห็นผลเพียงแค่ข้ามคืน จากประสบการณ์ของผม ผู้ที่ทำสมาธิ 2-3 เดือน ก็จะรู้สึกได้กับผลดีที่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว

วิทิสาสมาธิ

วิทิสาสมาธิ คือ การปฏิบัติสมาธิของบุคคลทั่วไปอย่างง่ายที่สุด ทั้งบุคคลที่เคย และไม่เคยทำสมาธิมาก่อน เป็นการสะสมพลังจิตให้แก่ผู้ปฎิบัติ ที่สามารถทำได้ในทุกสถานที่ ทุกโอกาสตามความเหมาะสม

 

วิธีปฏิบัติ

ให้ปฏิบัติทุกวัน วันละ 3 ครั้ง (เช้า-กลางวัน-เย็น) ครั้งละ 5 นาที ณ สถานที่ใดๆก็ได้ ไม่มีคนพลุกพล่าน ในลักษณะอิริยาบถนั่งจะเหมาะสมที่สุด โดยการบริกรม พุทโธ พุทโธ พุทโธ ตลอดเวลา 5 นาที หรือมากกว่า

 

ผลที่ได้รับ

การกำหนดจิตให้สงบเป็นสมาธิได้ วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ก็เท่ากับวันละ 15 นาทีนั้น เมื่อรวมกัน 30 วัน (1 เดือน) ก็จะได้สมาธิ 450 นาที หรือ 7.5 ชั่วโมง ซึ่งการทำจิตให้สงบเป็นสมาธิได้ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อเดือนนั้น จิตจะมีพลังหรือเรียกว่า เป็นผู้มีพลังจิตเพียงพอแก่การควบคุมจิตใจ มิให้เกิดความหวั่นไหว เกิดความเครียด เกิดความวุ่นวาย ในทางตรงข้าม จะเป็นผู้มีความเบิกบาน มีสติ มีปัญญา มีหลักประพฤติดีงาม อันส่งผลให้เกิดความสงบสุข ทั้งแก่ตนเองและสังคม

 

ได้อะไรจาก การธุดงค์ ที่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

ถ้าถามผมว่าได้อะไรจากการไปธุดงค์ที่ดอยอินทนนท์ ผมขอบอกก่อนดีกว่าว่า ผมคาดหวังอะไรจากการไปธุดงค์ครั้งนี้ ความคาดหวังหลักของผมคือ การที่ผมจะได้ไปทำสมาธิ เพิ่มพูนพลังจิต เพื่อพัฒนาจิตของตัวเอง และอีกอย่างที่หวังไว้ในใจคือ อยากได้พบพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโรอย่างใกล้ชิดสักครั้งในชีวิต

ไปธุดงค์ครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าได้อะไรมากกว่าที่คิดไว้เยอะ เริ่มจากการที่เราได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก ซี่งปกติเราก็จะรู้สึกลำบาก แต่การไปธุดงค์ในครั้งนี้ ผมกลับรู้สึกว่าเราปล่อยวางได้ ตัดได้ ตัดสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นในชีวิตได้มากขึ้น ผมไม่รู้สึกลำบากเลยในการไปธุดงค์ครั้งนี้ (ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะพี่เลี้ยงเตรียมทุกอย่างให้พวกเราอย่างดี)

การที่เราได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้อื่น และถูกช่วยเหลือจากผู้อื่น ทำให้เรารู้คุณค่าของการให้ รู้อย่างลึกซึ้งถึงความหมายของมัน และปลื้มใจในไมตรีของทุกๆคนจนถึงวันนี้

การที่ทริปธุดงค์ของเรามีปัญหาอุปสรรค ก็ทำให้ทริปของเรามีความหมายมากยิ่งขึ้น การที่มีฝนตกหนักในคืนสุดท้าย จนทำให้เกือบนอนกันไม่ได้ แต่ด้วยกำลังใจจากพระอาจารย์ ด้วยความช่วยเหลือจากพี่เลี้ยง ก็ทำให้เราผ่านพ้นอุปสรรคมาได้อย่างไม่ยาก

พระอาจารย์หลวงพ่อ กล่าวหลังจากนั่งสมาธิในคืนหนึ่งว่า “ถ้าเรามีพลังจิตเพียงพอ ถึงแม้ปัญหาจะใหญ่แค่ไหน ก็เหมือนเล็กนิดเดียว เราจะสามารถผ่านมันไปได้เพราะเรามีสติ แต่ถ้าเราไม่มีสติ มีพลังจิตน้อย ปัญหาแค่หัวไม้ขีด ก็สามารถรุกรามทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้”

ส่วนเรื่องที่ผมคาดหวังไว้คือ การสะสมพลังจิตนั้น กลับผิดคาดในช่วงแรก ช่วง 2 วันแรก ที่ได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ ผมกลับทำได้ไม่ดี จิตไม่รวม ทำสมาธิที่บ้านยังสามารถทำให้จิตรวมมากกว่า ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร อาจเป็นเพราะเราเหนื่อย หรือตื่นเต้นก็ไม่รู้ ในวันที่ 3 การนั่งสมาธิของผมจึงค่อยๆดีขึ้น สงบมากขึ้น จิตรวมมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่คาดไว้

แต่สิ่งที่แปลก และสัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ การที่ผมรู้สึกว่าผมมีพลังมากขึ้น ทั้งๆที่เราพักผ่อนน้อย นอนแต่ละคืนไม่กี่ชั่วโมง แต่มีพลังมากทั้งกายและใจ ทั้งๆที่ปกติถ้าผมนอนน้อย ผมจะเพลียมาก นี่แหละน่าจะเป็นพลังที่เราได้รับ

และสิ่งผมรู้สึกได้อย่างมาก และไม่เคยประสบแบบนี้มาก่อนในชีวิตนี้ เกิดขึ้นตอนกลับจากทริปนี้ คือ ผมรู้สึกอิ่ม ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่าคำว่าอิ่มบุญนั้นเขารู้สึกกันยังไง มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกออกมาครับ เป็นความรู้สึกดีมากๆ ปลื้ม ตื้นตัน อยู่ในหัวใจ อิ่มจริงๆครับ

WordPress Themes