บางครั้งเราทำอะไรไป โดยที่เราไม่รู้อารมณ์ตัวเองเสียด้วยซ้ำ เรื่องที่ผมโพสด้านล่างได้จากเมล์ที่ได้รับการส่งต่อจากเพื่อนในวันนี้ อ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก จึงอยากแบ่งปันให้ทุกท่านอ่าน
ถามว่า คุณพ่อรู้ไหมว่าลูก กับรถ อันไหนสำคัญกว่า ทุกคนก็ตอบว่า “รู้” แต่ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น ก็เพราะขาดสติไง อย่าว่าแต่เขาเลย บางครั้งเราก็เป็น ผมเชื่อมั่นว่า หากเขาได้เรียนสมาธิ เขาจะมีสติมากขึ้น และเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น
เรื่องเล่ามีดังนี้
ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังขัดล้างรถอย่างขะมักเขม้นลูกชายวัย 4 ขวบ ก้มลงเก็บก้อนหินขึ้นมา แล้วบรรจงขูดขีดไปบนด้านข้างของตัวรถ
พักใหญ่ต่อมา… เมื่อพ่อได้ยินเสียงครูดของหิน ก็เกิดความฉุนเฉียว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขากระชากมือลูกมา ตีลงบนมือน้อย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน โดยไม่ทันนึกว่าตนได้ถืออะไรอยู่ในมือ
ณ โรงพยาบาล.. นิ้วลูกชายถูกตัดออก เพราะกระดูกแตก จนหมอไม่สามารถเชื่อมต่อได้
ขณะที่พ่อเข้ามาดูลูกในห้อง ลูกมองพ่อด้วยสายตาปวดร้าว แล้วถามพ่อว่า ” เมื่อไร นิ้วหนูจึงจะยาวเหมือนเดิม ? “
คำถามนั้น… เหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในหัวใจผู้เป็นพ่อ เขารู้สึกละอายใจ รู้สึกผิด และเสียใจในการกระทำตนอย่างไม่อาจให้อภัย
เขาจึงกลับไปที่รถ เตะมันสุดแรงเกิดโดยไม่ยั้งจนเหนื่อยหอบ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างรถอย่างเศร้าใจ
สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยขูดขีด เขาเบิกตากว้าง ! จ้องมองคำว่า “รักพ่อ” น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อ แล้วไหลอาบแก้ม เขาเอามือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับใจจะขาด
รุ่งขึ้น… ชายคนนั้นได้ฆ่าตัวตาย
อารมณ์โกรธ มีโทษมหันต์
ปัญหาของโลกในทุกวันนี้ คือ
คนบางคน.. รักรถ หวงรถ หรือสิ่งของอื่น ยิ่งกว่ารักและห่วงใยลูก หรือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
จำไว้เสมอว่า สิ่งของมีไว้ให้ใช้ และ คนมีไว้ให้รัก
ผมรู้ดีว่าพ่อคนนี้เขาเสียใจแค่ไหน เพราะผมเองเวลาโมโห ก็เคยตีลูกเพราะความโมโหมากกว่าเหตุผล ถึงแม้ลูกจะผิดจริง แต่หลายครั้งก็ควรจะแก้ปัญหาด้วยการพูดคุย อบรมสั่งสอน มากกว่าการทำโทษ พอรู้ตัวก็ขอโทษลูก และบางครั้งก็กอดลูกร้องไห้ด้วยกัน
หลังจากที่ผมได้เรียนสมาธิที่สถาบันพลังจิตตานุภาพเพียงไม่กี่เดือน ผมก็รู้สึกว่าผมได้รับอะไรๆมากว่าที่คาดว่าจะได้รับ คือ เรามีสติมากขึ้น เวลาจะทำโทษลูกก็รู้ว่าเราต้องการสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี ไม่ใช่เพราะเราโกรธ หรือโมโห
ผมได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับสมาธิ การนั่งสมาธิ และการเรียนสมาธิไว้ที่ http://lupthawit.purethailand.com/category/health/meditation/ ท่านสามารถศึกษาได้ครับหากสนใจ
พ่อในเรื่องข้างต้น ขาดสติอย่างมาก และพลาดถึง 3 ครั้ง
1. ลงโทษลูกอย่างรุนแรง เพราะ ขาดสติ และ โทสะ ในตัวเอง
2. ไปเตะรถ ก็แสดงถึงการขาดสติ ยับยั้งความโกรธในตัวไม่ได้
3. ตัดสินใจผิดที่ไปฆ่าตัวตาย จะทำให้ลูกลำบาก และเป็นทุกข์มากกว่าเดิม
จากเนื้อเรื่อง ผมคิดว่าพ่อในเรื่องคงไม่ได้รักลูกน้อยกว่าพ่อคนไหนๆในโลก ท่านว่าจริงไหมครับ
การนั่งสมาธิ มีประโยชน์มากมาย ช่วยให้ทั้งสุขภาพใจและกายของเราดีขึ้น ปกติก่อนการนั่งสมาธิ พระอาจารย์แนะนำให้เดินจงกรมก่อน ท่านผู้สนใจสามารถหารความรู้เพิ่มเติมได้ที่ วิธีการทำสมาธิ สำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยการเดินจงกรม
วิธีการนั่งสมาธินี้ เป็นวิธีที่ผมได้รับการสอน จากพระอาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ในการเรียน หลักสูตรครูสมาธิ @ สถาบันพลังจิตตานุภาพ จังหวัดภูเก็ต
วิธีการนั่งสมาธิ
๑. ถ้านั่งกับพื้น ให้นั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย ตั้งกายตรง
ถ้านั่งบนเก้าอี้ ให้นั่งห้อยเท้าตามสบาย ตั้งกายตรง หรือหลังพิงเก้าอี้ก็ได้
๒. ยกมือพนมระหว่างอก กล่าวคำอธิษฐานสมาธิ
กล่าวว่า ” ข้าพเจ้า ระลึกถึง คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ จงมาดลบันดาล ให้ใจของข้าพเจ้า จงรวมลงเป็นสมาธิ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ”
๓. เอามือลง วางบนตัก มือขวาหงายทับมือซ้าย หลับตาเบา ๆ
๔. เริ่มบริกรรม “พุทโธ ๆ ๆ ……..” ในใจจนกว่าจะเลิก ตามเวลาที่กำหนด
ปกติแนะนำให้ผู้เริ่มต้นนั่งสมาธิ นั่งสมาธิ 5- 30 นาที
๕. หลังจากนั้นให้ตั้งใจสวดแผ่เมตตาพิเศษ
กล่าวว่า “สัพเพ สัตตา สะทา โหนตุ, อะเวรา สุขะชีวิโน
ขอให้สัตว์ทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่มีเวรต่อกันและกัน จงเป็นผู้ดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด
กะตัง ปุญญัง ผะลัง มัยหัง, สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต
ขอให้สัตว์ทั้งสิ้นนั้น จงเป็นผู้มีส่วนได้เสวยผลบุญ อันที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนั้นเทอญ”
Tags: จังหวัดภูเก็ต, ทำสมาธิ, นั่งสมาธิ, ภูเก็ต, วิธีการ, สถาบันพลังจิตตานุภาพ, สมาธิ, หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร, เดินจงกรม, เรียนสมาธิ
นั่งสมาธิ-เรียนสมาธิ, สุขภาพ กาย&ใจ | lupthawit 01/11/2010 | Comments (1)
การเดินจงกรม มีประโยชน์คือ เป็นการช่วยกรองอารมณ์ คือการทำให้เราค่อยๆลดสิ่งกังวล หรือลดเรื่องที่เราคิดอยู่ในแต่ละวัน ปกติเราจะเดินจงกรมก่อนการนั่งสมาธิ เพื่อทำให้เรานั่งสมาธิได้ดีขึ้น ท่านสามารถศึกษาวิธีการนั่งสมาธิได้ที่ วิธีการทำสมาธิ สำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยการนั่งสมาธิ
วิธีการเดินจงกรมนี้ เป็นวิธีที่ผมได้รับการสอน จากพระอาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ในการเรียน หลักสูตรครูสมาธิ @ สถาบันพลังจิตตานุภาพ จังหวัดภูเก็ต
วิธีการเดินจงกรม
๑. กำหนดเส้นทางเดินจงกรม
การกำหนดเส้นทางการเดินจงกรม ไม่ควรสั้นหรือยาวจนเกินไป ปกติประมาณ 10-20 เมตร ก็ได้ หรือจัดให้เหมาะกับสถานที่
๒. ยืนตรงจุดเริ่มต้นทางเดินจงกรม พนมมือระหว่างอกแล้ว สำรวมจิต กล่าวคำอธิษฐานเดินจงกรม
กล่าวว่า ” เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พุทโธ พุทโธ พุทโธ ”
ยกมือที่พนมสูงขึ้นระหว่างคิ้ว กล่าวในใจว่า “สาธุ”
๓. เอามือลง ใช้มือขวาจับมือซ้าย วางไว้ตรงท้องน้อย ห้อยมือพอสบายไม่เกร็ง
๔. กำหนดจิตไว้ที่ฐานวางจิต ไม่ต้องหลับตา ตามองทางเดินจงกรมไกลว่าตัวประมาณ ๑.๕ – ๒ เมตร
ฐานวางจิต ให้เลือกได้ 5 จุด คือ หน้าผาก ปลายจมูก บริเวณใบหน้า หัวใจ หรือ สะดือ
๕. เริ่มบริกรรมคำว่า ” พุทโธ ๆ ” อยู่ในใจ พร้อมก้าวเท้าขวาเดินตามด้วยเท้าซ้าย ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป เดินในลักษณะเดินปกติ
๖. เมื่อเดินสุดทางจงกรม ให้ค่อย ๆ หมุนตัวกลับทางขวา ยืนทรงตัวตรง แล้วจึงเริ่มก้าวด้วยเท้าขวาเหมือนตอนเริ่มต้น
๗. เมื่อครบตามเวลาทำกำหนด ให้ยืนตรงจุดเริ่มต้นเดิน พนมมือระหว่างอก กล่าวแผ่เมตตาสั้นๆ
กล่าวว่า ” สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ
ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุข ๆ เถิด”
แล้วยกมือที่พนมขึ้นระหว่างคิ้วแล้วกล่าวในใจว่า ” สาธุ ” เป็นอันจบพิธีการเดินจงกรม
Tags: จังหวัดภูเก็ต, ทำสมาธิ, นั่งสมาธิ, ภูเก็ต, วิธีการ, สถาบันพลังจิตตานุภาพ, สมาธิ, หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร, เดินจงกรม, เรียนสมาธิ
นั่งสมาธิ-เรียนสมาธิ, สุขภาพ กาย&ใจ | lupthawit | Comments (2)
ตอนนี้ผมได้เรียนสมาธิที่สถาบันพลังจิตตานุภาพมาประมาณเดือนกว่าแล้ว เรียนหนังสือจบไป 1 เล่ม (ทั้งหมดของหลักสูตรครูสมาธิมี 3 เล่ม) ก็รู้สึกว่าการเรียนสมาธินี้ได้ประโยชน์จริงๆครับ ถึงแม้เราเพิ่งฝึกมาไม่นาน
แรกๆที่เรียนก็ไม่สามารถนั่งสมาธิ หรือเดินจงกรมได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะใจยังฟุ้งซ่าน คิดถึงเรื่องงาน เรื่องโน่นเรื่องนี่เต็มไปหมด คิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะหมดเวลา ตอนนี้ สามารถนั่งสมาธิได้จนหมดเวลา หรือเกือบหมดเวลาได้แล้ว อาจจะมีการคิดแวบไปแวบมาบ้างเป็นปกติของคนเพิ่งเริ่มหัด
ประโยชน์ของการเรียนสมาธินั้นมีมากมาย แต่บางคนเรียนแล้วบอกว่าเหมือนไม่ได้อะไร อาจเนื่องมาจากความคืบหน้าของการเรียนไม่มีอะไรวัดได้อย่างชัดเจน หลวงพ่อท่านเปรียบเทียบให้เข้าใจว่า มันก็เหมือนกับการเรียนหนังสือตอนเด็กๆ ถามว่าเรามีความรู้เมื่อไหร่ เราเก่งขึ้นเมื่อไหร่ ตอนไหน ตอบไม่ได้ใช่ไหมครับ เพราะความรู้ที่เรามี ค่อยๆเพิ่มทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆสะสม จนเราเก่งขึ้นในทุกวันนี้
การเรียนสมาธิก็เช่นเดียวกัน พลังจิตที่เราได้ จะค่อยๆสะสม เราจะค่อยๆเก่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยที่เราไม่รู้ตัว จะรู้ตัวว่าเราเก่งขึ้น ตัดสินใจได้ดีขึ้น ก็ตอนที่เราได้ใช้มัน เช่น เวลาตกใจ เวลาโกรธ เวลาเกิดเรื่องฉุกเฉิน
หลวงพ่อยังสอนอีกว่า สมาธิเป็นสิ่งจำเป็น ต้องมีและต้องฝึก เหมือนการว่ายน้ำ ถ้าเรามาหัดว่ายน้ำเวลาใกล้จะจมน้ำ มันไม่ทันแล้ว เราต้องหัดว่ายน้ำไว้ก่อน เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน จะจมน้ำ เราจะได้ช่วยตัวเองได้
สิ่งที่ผมได้จากการเรียนสมาธิ
สบายใจ หลังจากเรียนสมาธิแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองสบายใจขึ้นมาก สามารถแยกแยะและแก้ปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ดีขึ้น ก็เพราะเราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ทั้งชีวิตของเรา เราเรียนรู้เรื่องต่างๆมากมาย ทั้งในโลก และนอกโลก แต่เรามักจะไม่ค่อยได้เรียนรู้เรื่องของตัวเอง ใจของตัวเอง เมื่อได้เรียนเรื่องตัวเองแล้ว ก็ทำให้เราเข้าใจการทำงานของใจ ทำให้เราเข้าใจทั้งตัวเอง และผู้อื่นมากขึ้น
นิ่งขึ้น ปกติคนทุกคนจะมีเรื่องที่ทำให้โกรธ หรือโมโหแตกต่างกันไป เรื่องบางเรื่อง อาจจะดูธรรมดามากสำหรับเรา แต่อาจทำให้เพื่อนของเราโกรธมาก (ขอใช้คำว่า เรื่องบางเรื่องนั้นไปกระตุ้นต่อมโกรธ) สำหรับผมก็เช่นกัน ปกติอาจจะใจร้อน แต่ไม่ใช่คนที่โกรธง่าย แต่ก็มีบางเรื่องที่มากระตุ้นต่อมโกรธของเรา
เมื่อก่อน เมื่อโกรธแล้ว จะรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบายใจ ไม่พอใจ รวมถึงความรู้สึกที่ไม่ดีทั้งหลายไป 2-3 วัน แต่หลังจากเรียนสมาธิแล้ว ตอนเราโกรธ เราก็รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธอยู่ และก็คิดได้ และหายโกรธใน 2-3 ชั่วโมง ก็ดีกว่าเดิมเยอะ ถึงแม้ว่าเรายังไม่เก่งพอที่จะไม่โกรธเลย
หน้าใส อันนี้ไม่ได้พูดเองครับ แต่มีคนบอก บางคนไม่รู้ว่าเราเรียนสมาธิ แต่ได้มาเจอกันก็ยังบอกอย่างนั้น อาจเป็นเพราะเรียนแล้วรู้สึกสบาย ได้พักผ่อนทั้งกายและใจ เลยทำให้ตัวเองดูดีขึ้น
ได้เพื่อน แน่นอนครับกัลยาณมิตรจะพบได้ก็เฉพาะในที่ดีๆ คนไม่ดี คงไม่สามารถมาเรียนรู้ ฝึกทำสมาธิได้นานๆ เพราะใจร้อน ไม่นิ่งพอที่จะทำได้ มาเรียนสมาธิจึงเป็นโอกาสดีที่ทำให้เราได้เพื่อนดีๆ
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนครับ หลังจากเรียนอีกสักพัก หากมีความคืบหน้าอย่างไร จะได้มาเล่าสู่กันฟัง
ท่านที่ยังไม่เคยรู้เรื่องหลักสูตรครูสมาธิ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ หลักสูตรครูสมาธิ @ สถาบันพลังจิตตานุภาพ จังหวัดภูเก็ต
Tags: ครูสมาธิ, จังหวัดภูเก็ต, ตัวเมืองภูเก็ต, นั่งสมาธิ, พลังจิต, ภูเก็ต, สถาบันพลังจิตตานุภาพ, สมาธิ, สอนสมาธิ, เดินจงกรม, เรียนสมาธิ
นั่งสมาธิ-เรียนสมาธิ, ภูเก็ต, สุขภาพ กาย&ใจ | lupthawit 21/09/2010 | Comments (0)
หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่อยากพัฒนาตัวเอง รู้จักตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านจิตใจ การเรียนสมาธิเป็นทางเลือกที่ดีครับ เพราะนอกจากท่านจะได้รู้ถึงธรรมชาติของจิตใจของตัวเองแล้ว ยังเป็นการพัฒนาตัวเองโดยการใช้สมาธิ ถ้าสมัยใหม่ก็น่าเหมือนๆกับการพัฒนา EQ
สถาบันพลังจิตตานุภาพ ก่อตั้งโดย พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่เรียนรู้เรื่องสมาธิ ถึงแม้จะไม่มีความรู้เรื่องสมาธิมาก่อนก็สามารถเรียนได้
หลักสูตรครูสมาธิ เป็นหลักสูตรที่ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร คิดขึ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจในสมาธิไม่ว่าจะเคยบำเพ็ญสมาธิมาก่อนหรือไม่ ได้รับความรู้ความเข้าใจในสมาธิแบบง่ายๆ ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติอย่างชัดเจน จนมีความรู้เพียงพอที่จะสอนผู้อื่นได้
สถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์นำชัย จังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ถนนพังงา อยู่ถัดจากธนาคารออมสิน สาขาภูเก็ต ไปประมาณ 100 เมตร
หลักสูตรครูสมาธิ เป็นหลักสูตรที่เหมาะกับคนทำงานทั่วๆไปครับ เพราะเรียนเฉพาะช่วงเย็น 18.00 – 20.30 น. วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ และพระอาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ก็ได้จัดหลักสูตรอธิบายเรื่องสมาธิไว้อย่างละเอียด ทำให้คนทั่วๆไปเข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย
การเรียนในแต่ละวันจะมีอยู่ 3 ช่วงคือ
1. การฝังคำบรรยายจากวิทยากร และฟังเทปของหลวงพ่อ
< พักทานอาหารว่าง >
2. เดินจงกรม
3. นั่งสมาธิ
ขอเชิญชวนเพื่อนๆและผู้สนใจในการเรียนสมาธิลองมาเรียนครับ ผมคิดว่าได้ประโยชน์อย่างมากจริงๆ เพื่อนๆที่อยู่ต่างจังหวัดก็เรียนได้ เพราะ
สถาบันพลังจิตตานุภาพมีศูนย์อยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.samathi.com/
ช่วงนี้เพื่อนๆหลายคนอาจไม่ค่อยได้เจอผม เพราผมแอบหนีไปเรียนสมาธิครับ หลายคนถามว่า”ทำไมถึงไปเรียนสมาธิ” คำตอบง่ายๆคือ”อยากรู้” พออยากรู้ก็เลยไปเรียนให้รู้จริง
ตอนเด็กๆ ผมเคยตามคุณแม่ไปสวดมนต์ นั่งสมาธิบ้าง แต่ก็ทำไปตามภาษาเด็ก ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ตอนเรียนหนังสือก็มีโอกาสได้นั่งสมาธิบ้าง ก็รู้ว่าวิชาสมาธินั้นมีประโยชน์ และผมคิดว่าตัวเองก็เป็นคนมีสมาธิระดับหนึ่ง สำหรับกรณีตัวผมเองเห็นได้ชัดก็ตอนที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เวลาตื่นเต้น หรือการเล่นเกมส์บนเวที ก็มักจะตัดสินใจได้ดี
จริงๆแล้ว ผมสนใจจะเข้าปฏิบัติธรรม หรือฝึกนั่งสมาธิมานานแล้วครับ แต่หาโอกาสไม่ได้สักที เพราะหลักสูตรสมาธิส่วนใหญ่ก็มักจะต้องใช้เวลานานทั้งวัน หลายวัน บางหลักสูตรก็ต้องนอนค้างที่วัดหรือสถานปฏิบัติธรรม ทำให้คนที่มีภาระทางโลกเยอะอย่างเราๆไม่สามารถจะไปเรียนได้
พอเห็นได้ยินข่าวเกี่ยวกับหลักสูตร”ครูสมาธิ” ของ “สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขาภูเก็ต” ก็สนใจ เพราะหลักสูตรครูสมาธินี้เรียนเฉพาะช่วงเย็น 18.00 – 20.30 น. วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ แต่อาจจะใช้เวลานาน คือใช้เวลา 6 เดือน แต่ก็เหมาะสำหรับคนทำงานอย่างเรา คิดเสียว่าไปเรียนพิเศษ เหมือนที่เด็กๆเขาเรียนกันไง
นมเปรี้ยว ยาคูลท์
ไม่น่าเชื่อ แต่เชื่อเถอะครับ ยาคูลท์ช่วยลดอาการท้องเสียได้จริงๆ สำหรับคนท้องเสียง่ายมากอย่างผม เวลาทานอะไรแปลกๆ อาหารไม่สะอาด หรืออาหารรสจัด ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย มีโอกาสท้องเสียก่อนใครเขา ก็จึงต้องสรรหาวิธีสรรหาวิธีรักษาตัวเองอยู่เสมอ ก่อนนี้ก็เคยเขียนเรื่อง “เจเล่ไลท์” ช่วย “ท้องเสีย” ได้ จริงๆ ถ้าสนใจก็ลองคลิกไปอ่านได้ครับ
ผมชอบสรรหาวิธีการรักษาตัวโดยไม่ใช้ยา ก็อย่างที่ท่านๆทราบละครับว่า ยาทุกชนิดไม่ควรทานมาก เพราะอาจมีสารตกค้าง และไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาว เช่น ถ้าทานยาแก้ท้องเสียบ่อยๆ ก็อาจมีผมต่อลำไส้ได้ ผมจึงเลือกที่จะใช้ยาเป็นทางเลือกสุดท้าย
จริงๆเคยมีคนบอกมาหลายครั้งแล้วครับว่า ยาคูลท์แก้ท้องเสียได้ เคยมีคุณหมอแนะนำด้วย แต่ไม่เคยได้ลอง สักเดือนกว่าๆที่ผ่านมา ผมมีอาการท้องเสียจากการติดเชื้อ (ที่รู้ว่าติดเชื้อเพราะปวดท้องแบบบิด และถ่ายออกมาเหม็นคาว ท้องเสียจนชำนาญ วิเคราะห์โรคเองเลยครับ) ก็ใช้วิธีการรักษาเดิมคือ ทานเจเล่ไลท์ แต่อาการไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไร นึกได้จึงลองทานซื้อยาคูลท์มาทาน ก็ทำให้อาการดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยาเลย
หลังจากนั้น พอท้องเสียก็ไปซื้อยาคูลท์มาทานครับ ตอนนี้เลยไม่ได้ใช้เจเล่ไลท์แล้ว ใช้ยาคูลท์แทน
วิธีการทานของผม คือ ถ้าท้องเสียมากๆ ก็อาจทาน 2-3 ขวดเลยครับ แล้วค่อยทานก่อนหรือหลังอาหารมื้อต่อไป 1-2 ขวด แล้วแต่ว่าอาการดีขึ้นแค่ไหน เท่าที่ลองดูตอนท้องเสียมากๆ ทานไปไม่เกิน 3-4 มื้อ อาการก็ดีมากหรือหายท้องเสียแล้วครับ
ยาคูลท์แก้ท้องเสียได้อย่างไร ผมคิดว่าเนื่องมาจาก ในยาคูลท์มีจุลินทรีย์ที่ดี ไปทำลายเชื้อโรคที่ไม่ดีในลำไส้ของเรา (อันนี้คิดเองนะครับ) จึงทำให้อาการท้องเสียดีขึ้น
หาซื้อยาคูลท์ ก็ซื้อได้ที่สาวยาคูลท์ซิครับ จริงๆแล้วบางครั้งยาคูลท์ก็หาซื้อยากครับ เพราะไม่มีขายในร้านสะดวกซื้อทั่วไปอย่าง 7-Eleven หรือ Family Mart แต่ที่ภูเก็ต ก็ซื้อได้ที่ ร้านขายยาที่มีตู้แช่ทั่วไป ภูเก็ตช๊อบปิ้งเซ็นเตอร์ และศูนย์ยาคูลท์ภูเก็ต อยู่ที่ถนนดีบุก ตรงข้ามตั่วโพ้เฟอร์นิเจอร์
ขอชี้แจงนิดหนึ่งครับ ถึงแม้จะรู้จักสาวยาคูลท์ชาวภูเก็ตตัวจริง แต่ผมไม่ได้ค่านายหน้าหรือค่าโฆษณาใดๆจากยาคูลท์เลยจริงๆนะครับ ;D ยังไม่ค่อยได้ลองนมเปรี้ยวชนิดอื่นเหมือนกัน จึงไม่แน่ใจว่าได้ผลดีเหมือนยาคูลท์หรือเปล่า
มีเพื่อนหลายๆคนถามด้วยความเป็นห่วงว่าตอนนี้อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเป็นยังไง ยังเจ็บไหม ดูแลตัวเองยังไง ผมจึงเขียนบทความนี้เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ และผู้อ่าน
หลังจากที่ผมรักษาอาการปวดบริเวณสะบักซ้ายและแขนซ้ายเนื่องจากหมอนรองกระดูกเสื่อม ทำให้หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทหายแล้ว หายแล้วหมายความว่า ไม่ปวดแล้ว แต่จริงๆหมอนรองกระดูกที่เสื่อมก็ยังคงทับเส้นประสาทอยู่ (ผมคิดว่า) ผมก็ดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอ การออกกำลังกายช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และได้มาช่วยพยุง ทำให้หมอนรองกระดูกไม่ต้องรับภาระหนัก
เมื่อก่อนเคยแต่ได้ยินที่หมอพูดให้ออกกำลังกาย ให้ว่ายน้ำ จะช่วยได้มาก ก็ไม่เคยรู้ซึ้งถึงความจำเป็นที่จะต้องทำ แต่ตอนนี้รู้แล้วครับ วันไหนที่ผมต้องนั่งทำงานทั้งวัน หรือต้องทำงานมากๆ ช่วงเย็นก็จะเริ่มรู้สึกรั้งๆที่แขนซ้ายอย่างที่เคยเป็น และผมก็จะไปว่ายน้ำ หลังจากว่ายน้ำสักประมาณครี่งชั่วโมง ผมก็จะรู้สึกว่าอาการรั้งดีขึ้น คลายไปอย่างเห็นได้ชัด
มีรุ่นพี่วิศวะ จุฬาฯ คนหนึ่ง เขาก็มีอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเหมือนกัน แต่เป็นที่หลัง ปวดร้าวลงขา แค่เดินขึ้นบันไดก็หอบแล้ว เป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ ปัจจุบันแข็งแรงมาก ไม่มีอาการของผู้ป่วยหลงเหลือเลย ก็ใช้การว่ายน้ำในการรักษา พี่เขาว่ายน้ำทุกวัน และปัจจุบันยังเตะบอลได้ด้วย เป็นนักกีฬาของทีมจุฬ่าฯภูเก็ต แข่งกับทีมธรรมศาสตร์ภูเก็ตตอนแข่งฟุตซอลด้วย
หลายคนถามผมว่า ว่ายท่าไหนดี อย่าซีเรียสครับ ท่าไหนก็ได้ ให้ได้ว่ายได้ขยับตัวในน้ำก็ช่วยแล้วครับ แต่ในกรณีของผม หมอให้ผมว่ายฟรีสไตล์ ผมก็ไม่ค่อยถนัดเหมือนกัน ก็ว่ายท่ากบบ้าง ท่าฟรีสไตล์บ้าง สำหรับคนว่ายน้ำไม่เป็นไม่ต้องซีเรียสครับ ก็ไปขยับตัวในน้ำ เลียนแบบท่าที่เขาว่ายไปก็โอเคแล้วครับ การเคลื่อนไหวในน้ำมันลำบาก เพราะมีแรงน้ำต้าน ช่วยให้เราได้ออกแรง ในเวลาเดียวกัน น้ำก็ช่วยพยุง ไม่ให้เราบาดเจ็บ
หากไม่ได้ไปว่ายน้ำ ผมก็จะใช้การเหวี่ยงแขน หมุนแขน หมุนเอว เรียกว่า “ขยับเท่ากับออกกำลังกาย” เป็นอย่างงั้นจริงๆ เพราะถ้าได้ออกกำลังกายแล้วก็จะช่วยให้แขนหมุนคล่องขึ้น และอาการปวดไม่กลับมาเลย
สรุป ตอนนี้หายปวดมามากกว่า 6 เดือนแล้ว จะมีบางวันที่ทำงานหนักก็จะรู้สึกรั้งๆบ้าง แต่ก็ได้ว่ายน้ำบ้าง หมุนแขน เหวี่ยงแขนบ้าง ก็ช่วยให้อาการดีขึ้น ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ไปเจอหมอมากว่า 6 เดือนแล้ว