เมื่อวานเป็นวันที่เรียน หลักสูตรครูสมาธิ ภาคทฤษฎีเป็นวันสุดท้าย อาจารย์ที่สอนคือ อาจารย์ ชิราวุธ กรจรุงเกียรติ ได้สอนว่า ช่วงเวลาที่จะนั่งสมาธิ แล้วได้ผลดี ตามที่ของหลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินธโร คือ ช่วงเวลา ตี 4 – ตี 5 เพราะป็นช่วงเวลาที่สงบ เงียบ เป็นช่วงเวลาที่คนและสัตว์ทั่วไปยังไม่ตื่น มีสิ่งรบกวนต่างๆน้อย จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการทำสมาธิ
พระอาจารย์ยังกล่าวไว้ว่า ช่วงเวลา ตี 4 – ตี 5 เป็นเวลาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงใช้ตรวจดูสัตว์โลก หรือบุคคลที่ควรจะได้รับคุณธรรม หรือผู้มีวาสนาที่สมควรได้สำเร็จมรรคผล
จริงๆแล้วอาจารย์ที่สอนในหลักสูตรครูสมาธิหลายท่านก็เคยแนะนำให้ตื่เช้ามานั่งสมาธิ แต่ด้วยความขี้เกียจ และไม่คิดว่าตัวเองจะตื่นเช้าไหว ก็เลยไม่เคยคิดจะทำเลย (สำหรับบางคน รวมทั้งผม เรื่องตื่นเช้าเป็นเรื่องที่ยากมาก จริงไหมครับ) แต่เมื่อวาน จะเพราะอะไรก็ไม่รู้ อาจารย์ ชิราวุธ กรจรุงเกียรติ ได้ชวนนักศึกษาครูสมาธิในห้องหลายครั้งให้ลองตื่นเช้านั่งสมาธิดู ครั้งแรกๆผมก็ไม่ยกมือหรอกครับ ก็ยังคิดว่าตัวเองคงทำไม่ได้ และคิดว่าไม่จำเป็น แต่อาจารย์ก็ได้พูดถึงประโยชน์หลายอย่าง จนผมตัดสินใจ เป็นไงเป็นการ ถ้าเราจะปรับตัวเพื่อทำสิ่งที่ดี ก็ควรลอง พออาจารย์ถามรอบสุดท้าย ว่าใครจะลองนั่งสมาธิตอนตี 4 บ้าง ก็มีคนยกมือเพิ่มขึ้นหลายคน
หลังจากที่ยกมือ ผมก็ตั้งนาฬิกาปลุกที่มือถือเลยครับ ปกติถ้าผมรับปากว่าจะทำอะไรแล้ว ก็ต้องพยายามทำให้ได้ ไม่อยากผิดสัญญากับอาจารย์ ก็เลยตั้งนาฬิกาปลุกทันที แต่ตั้งปลุกตอน 04.30 น. นะครับ ไม่ใช่ตี 4
เมื่อคืนก็นอนเร็วหน่อย ประมาณ 4 ทุ่มก็หลับแล้ว ก่อนนอนก็ตั้งจิตสัญญากับตัวเองไว้ว่าเราจะตื่นมาทำสมาธิ ไม่น่าเชื่อครับ ผมตื่นได้เองก่อนนาฬิกาปลุก คือตื่นตอนตี 4
หลังจากตื่นก็เข้าห้องน้ำแล้วมานั่งสมาธิเลย สิ่งที่รู้สึกแตกต่างจากทุกครั้งคือ นั่งสมาธิแล้วรู้สึกเบา โล่งสบายกว่าทุกครั้ง จิตของเราสงบได้เร็วกว่าเดิมมาก ซึ่งอาจารย์ก็อธิบายไว้แล้วว่าเป็นเพราะจิตของเรายังไม่ถูกรบกวนและสะสมเรื่องราวต่างๆ จึงทำให้เกิดสมาธิและจิตรวมได้ง่ายกว่า
หลังจากนั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง ก็เดินจงกรมอีกครึ่งชั่วโมง ก็แปลกอีกอย่างหนึ่งคือ สามารถกำหนดเวลาได้ครึ่งชั่งโมงเกือบพอดีโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาอีกเช่นกัน
หลังจากที่ทำได้ก็รู้สึกภูมิใจ และรู้สีกดีมากครับ วันนี้มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมึนๆนิดๆ แต่ก็ไม่ใช่เวียนหัว (ไม่รู้เพราะกังวลว่านอนน้อยหรือเปล่า) แต่รู้สึกว่าตัวเองมีพลัง เพื่อนๆที่ไม่เคยตื่นเช้ามานั่งสมาธิ อยากให้ลองดูครับ
ถาม: หลักสูตรครูสมาธิสอนอะไร
ตอบ: วิธีการทำสมาธิอย่างถูกวิธี ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงวิปัสสนา แต่หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่เน้นการทำสมาธิสำหรับประชาชน คนทำงานทั่วไปครับ
ถาม: ไม่เคยรู้เรื่องสมาธิเลยเรียนได้ไหม
ตอบ: สำหรับคนที่ไม่เคยฝึกสมาธิเลยก็เรียนได้ ตอนผมเริ่มเรียน ผมก็รู้แค่การนั่งสมาธิคือการนั่งขัดสมาธิ เอามือขวาทับมือซ้าย แล้วท่องพุทโธ ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านั้นเลย
ถาม: จุดประสงค์หลักของหลักสูตรคืออะไร
ตอบ: หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ต้องการเผยแพร่สมาธิเพื่อความสันติสุขของโลก จึงออกแบบหลักสูตรสมาธิมาเพื่อให้คนธรรมดาอย่างพวกเราเข้าถึงการทำสมาธิได้ง่าย ช่วยให้เรามีสติรู้ทันอารมณ์มากขึ้น
ถาม: เรียนจบแล้วต้องไปเป็นครูสอนสมาธิหรือเปล่า
ตอบ: ไม่มีใครบังคับ แต่สำหรับท่านที่มีจิตอาสา ต้องการช่วยเผยแพร่สมาธิก็สามารถทำได้อย่างถูกหลักการ
ถาม: ไม่ค่อยมีเวลาไป ไม่แน่ใจว่าจะไปเรียนได้ไหม
ตอบ: ผมมองว่า เหมือนการสะสมเงิน ถ้าเราว่างไปเรียนได้มากแค่ไหน เราก็ได้สะสมไปแค่นั้น ไปมากก็ได้มาก ถ้าไม่ไปก็ไม่ได้เลย ได้น้อยก็ดีกว่าไม่ได้เลย
ถาม: ถ้าเราเกิดมีความจำเป็นที่ต้องหยุดเรียนบ้าง จะมีผลกับการอบรมหรือไม่
ตอบ: ตามหลักสูตร เขาก็มีการเก็บชั่วโมงเรียน ถ้ามาไม่ครบ ก็ทำสมาธิเป็นการบ้านมาเป็นชั่วโมงเพิ่มได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด จริงๆแล้วน้อยคนครับที่จะไปได้ครบทุกครั้ง เพราะส่วนมากก็เป็นคนทำงานมีภาระกิจกันทั้งนั้น ที่หลวงพ่อออกแบบหลักสูตรให้เรียนตอนเย็น ก็เพราะอยากให้คนทำงาน คนมีภาระกิจได้มีโอกาสได้ฝึกสมาธิครับ
ถาม: ทำไมไม่สอนในวัด
ตอบ: ถ้าถามคนทั่วไปว่าไปวัดกับไปห้าง อันไหนไปง่ายกว่า คนทั้วไปก็จะตอบว่าห้าง เพื่อให้คนทั่วๆไปเข้าถึงสมาธิได้ง่ายขึ้น เรียนสมาธิอาจไม่จำเป็นต้องไปเรียนที่วัด เพียงเป็นที่ที่สะดวก และเราสามารถตัดสิ่งรบกวนออกไปได้
* แต่จริงๆแล้ว สาขาของสถาบันพลังจิตตานุภาพทั่วประเทศ มีทั้งสถานที่สอนในวัด ในบ้าน และในอาคารพาณิชย์ครับ
ถาม: ทำไมเรียนฟรี
ตอบ: คงเป็นที่สงสัยสำหรับหลายคนครับ เพราะไม่มีอะไรฟรีบนโลกนี้ งบประมาณส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการดำเนินงานของสถาบันพลังจิตตานุภาพได้จากการบริจาคครับ แต่ไม่มีการบังคับให้บริจาค และสถาบันดำเนินงานด้วยระบบพี่เลี้ยง รุ่นพี่ช่วยเหลือรุ่นน้อง จึงไม่ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน มีแต่การช่วยเหลือกันด้วยความสมัครใจ
* ค่าใช้จ่ายในสถาบันพลังจิตตานุภาพสาขาต่างๆ ได้งบประมาณมาจากมูลนิธิหลวงพ่อวิริยังค์สิรินธโร และยกตัวอย่างที่สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขาภูเก็ต ศูนย์นำชัย ก็ได้รับการอนุญาตให้ใช้สถานที่ฟรี จากคุณวิสิษฐ์ ใจอาจ และครอบครัว โบรชัวร์ที่เราใช้ในการประชาสัมพันธ์ ก็ออกแบบกันเอง การพิมพ์ ก็ได้คุณคุณทินรัตน์ เทพบุตร ร่วมทำบุญค่าพิมพ์ส่วนหนี่ง ที่ผมช่วยประชาสัมพันธ์นี้ ผมก็ไม่ได้อะไร สิ่งที่จะพึงได้ก็คือ เมื่อสังคมดีขึ้น เราก็จะดีขึ้นไปด้วย
ถาม: เป็นลัทธิอะไรหรือเปล่า
ตอบ: ผมเรียนหลักสูตรครูสมาธิมา 4 เดือน พระอาจารย์ และอาจารย์ทุกท่านสอนโดยยึดมั่นตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่ได้นอกลู่นอกทางเลย
ข่าวดี ตอนนี้สถาบันพลังจิตตานุภาพกำลังรับสมัครนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 28 ครับ เพื่อนๆหลายคนสนใจมาก จึงเป็นโอกาสดีครับที่จะได้เรียนรู้สมาธิแบบลึกซึ้ง โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน
ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองที่เมื่อ 4 เดือนก่อน ตัดสินใจเข้าเรียนสมาธิ เพราะมันทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น โดยอาศัยเพียงแค่ตัวเราเอง อยากให้เพื่อนๆได้รับสิ่งดีๆเช่นกัน
เปิดรับสมัครนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 28
(อัฏฐวีสติโม)
รับสมัคร: ทุกวัน 16.00 – 20.30 น.
ตั้งแต่บัดนี้ – 12 กุมภาพันธ์ 2554
ปฐมนิเทศ: 13 กุมภาพันธ์ 2554
เริ่มเรียน: 14 กุมภาพันธ์ 2554
เวลาเรียน: จันทร์ – ศุกร์ 18.00 – 20.30 น.
ระยะเวลา: 6 เดือน
สมัครเรียน ฟรี ! ไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่
สถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์นำชัย 15
145 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
(อยู่ถัดจาก ธนาคารออมสิน ประมาณ 100 เมตร)
เว็บไซต์ www.SamathiPhuket.com
บางครั้งเราทำอะไรไป โดยที่เราไม่รู้อารมณ์ตัวเองเสียด้วยซ้ำ เรื่องที่ผมโพสด้านล่างได้จากเมล์ที่ได้รับการส่งต่อจากเพื่อนในวันนี้ อ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก จึงอยากแบ่งปันให้ทุกท่านอ่าน
ถามว่า คุณพ่อรู้ไหมว่าลูก กับรถ อันไหนสำคัญกว่า ทุกคนก็ตอบว่า “รู้” แต่ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น ก็เพราะขาดสติไง อย่าว่าแต่เขาเลย บางครั้งเราก็เป็น ผมเชื่อมั่นว่า หากเขาได้เรียนสมาธิ เขาจะมีสติมากขึ้น และเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น
เรื่องเล่ามีดังนี้
ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังขัดล้างรถอย่างขะมักเขม้นลูกชายวัย 4 ขวบ ก้มลงเก็บก้อนหินขึ้นมา แล้วบรรจงขูดขีดไปบนด้านข้างของตัวรถ
พักใหญ่ต่อมา… เมื่อพ่อได้ยินเสียงครูดของหิน ก็เกิดความฉุนเฉียว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขากระชากมือลูกมา ตีลงบนมือน้อย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน โดยไม่ทันนึกว่าตนได้ถืออะไรอยู่ในมือ
ณ โรงพยาบาล.. นิ้วลูกชายถูกตัดออก เพราะกระดูกแตก จนหมอไม่สามารถเชื่อมต่อได้
ขณะที่พ่อเข้ามาดูลูกในห้อง ลูกมองพ่อด้วยสายตาปวดร้าว แล้วถามพ่อว่า ” เมื่อไร นิ้วหนูจึงจะยาวเหมือนเดิม ? “
คำถามนั้น… เหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในหัวใจผู้เป็นพ่อ เขารู้สึกละอายใจ รู้สึกผิด และเสียใจในการกระทำตนอย่างไม่อาจให้อภัย
เขาจึงกลับไปที่รถ เตะมันสุดแรงเกิดโดยไม่ยั้งจนเหนื่อยหอบ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างรถอย่างเศร้าใจ
สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยขูดขีด เขาเบิกตากว้าง ! จ้องมองคำว่า “รักพ่อ” น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อ แล้วไหลอาบแก้ม เขาเอามือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับใจจะขาด
รุ่งขึ้น… ชายคนนั้นได้ฆ่าตัวตาย
อารมณ์โกรธ มีโทษมหันต์
ปัญหาของโลกในทุกวันนี้ คือ
คนบางคน.. รักรถ หวงรถ หรือสิ่งของอื่น ยิ่งกว่ารักและห่วงใยลูก หรือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
จำไว้เสมอว่า สิ่งของมีไว้ให้ใช้ และ คนมีไว้ให้รัก
ผมรู้ดีว่าพ่อคนนี้เขาเสียใจแค่ไหน เพราะผมเองเวลาโมโห ก็เคยตีลูกเพราะความโมโหมากกว่าเหตุผล ถึงแม้ลูกจะผิดจริง แต่หลายครั้งก็ควรจะแก้ปัญหาด้วยการพูดคุย อบรมสั่งสอน มากกว่าการทำโทษ พอรู้ตัวก็ขอโทษลูก และบางครั้งก็กอดลูกร้องไห้ด้วยกัน
หลังจากที่ผมได้เรียนสมาธิที่สถาบันพลังจิตตานุภาพเพียงไม่กี่เดือน ผมก็รู้สึกว่าผมได้รับอะไรๆมากว่าที่คาดว่าจะได้รับ คือ เรามีสติมากขึ้น เวลาจะทำโทษลูกก็รู้ว่าเราต้องการสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี ไม่ใช่เพราะเราโกรธ หรือโมโห
ผมได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับสมาธิ การนั่งสมาธิ และการเรียนสมาธิไว้ที่ http://lupthawit.purethailand.com/category/health/meditation/ ท่านสามารถศึกษาได้ครับหากสนใจ
พ่อในเรื่องข้างต้น ขาดสติอย่างมาก และพลาดถึง 3 ครั้ง
1. ลงโทษลูกอย่างรุนแรง เพราะ ขาดสติ และ โทสะ ในตัวเอง
2. ไปเตะรถ ก็แสดงถึงการขาดสติ ยับยั้งความโกรธในตัวไม่ได้
3. ตัดสินใจผิดที่ไปฆ่าตัวตาย จะทำให้ลูกลำบาก และเป็นทุกข์มากกว่าเดิม
จากเนื้อเรื่อง ผมคิดว่าพ่อในเรื่องคงไม่ได้รักลูกน้อยกว่าพ่อคนไหนๆในโลก ท่านว่าจริงไหมครับ
ร้านอาหารบรรยากาศดี๊ดีที่อยากเอาภาพมาฝาก ลองไปทานแล้วจะประทับใจครับ ไม่ต้องบรรยายมาก แค่ดูภาพก็อยากไปแล้วใช่ไหมครับ
การเดินทาง: ร้านเซรามิค อยู่ทางขวามือระหว่างทางจากอนุสาวรีย์ไปเชิงทะเล ขับจากอนุสาวรีย์ไป 2.6 กม. หรือ อยู่ก่อนถึงม่าหนิกประมาณ 1 กม. ครับ
อยากแนะนำอีกหนึ่งร้านอาหารทะเลใกล้เมืองภูเก็ต ร้าน ไชโย ซีฟู๊ด ครับ
บรรยากาศสบายๆ คนไม่เยอะ อาหารโอเค ราคาไม่แพง ถ้าไม่มีโต๊ะของพวกเราอยู่ ก็คงไม่มีเสียดังครับ เพราะหลังจากพวกเรามา พร้อมเด็กๆที่น่ารักม๊ากมาก ความสงบของร้านก็หมดไปในทันทีครับ
พวกเราเพิ่งช่วยกันบริจาคสินสิ่งของไปช่วยพี่น้องภาคอีสานไม่นาน ไม่น่าเชื่อครับ ตอนนี้พี่น้องชาวใต้ของเราต้องการความช่วยเหลือ และน้ำใจจากท่านอีกครั้งครับ เพราะน้ำท่วมครั้งนี้นำความเสียหายแก่พี่น้องเราไม่น้อยเลย
ได้น้ำใจจากชาวภูเก็ตทุกท่าน คงพอจะช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ของเพื่อนๆพี่น้องของเราที่เดือดร้อนได้บ้าง
วันนี้ – 5 พ.ย. 2552 : บริจาคสิ่งของได้ที่ ศูนย์การค้าจังซีลอน หาดป่าตอง
6 พ.ย. 2552 ทั้งวัน : ร่วมบริจาคกันได้ที่ โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน ครับ
—
เรื่อง เปิดศูนย์รับบริจาคสิ่งของ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมภาคใต้
เรียน สมาชิกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต, สมาคมโรงแรมไทย ภาคใต้,
สมาคมโรงแรมหาดป่าตอง และสมาคมผู้ประกอบการโรงแรมหาดกะตะกะรน
ตามที่สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต, สมาคมโรงแรมไทย ภาคใต้, สมาคมโรงแรมหาดป่าตอง และสมาคมผู้ประกอบการโรงแรมหาดกะตะกะรน ได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังสมาชิก เพื่อร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยกำหนดให้มีการรับบริจาค ในวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2553 ณ ห้องจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน นั้น ด้วยขณะนี้ได้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยในภาคใต้อย่างฉับพลัน ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างรุนแรงทั้งในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา, จังหวัดปัตตานีและจังหวัดนราธิวาส
เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบภัย และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาคสิ่งของ สมาคมทั้ง 4 สมาคม ได้ร่วมกับศูนย์การค้าจังซีลอน หาดป่าตอง ได้จัดให้มีศูนย์รับบริจาคสิ่งของ ณ ศูนย์การค้าจังซีลอน หาดป่าตอง โดยท่านสามารถนำสิ่งของไปบริจาคได้ ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2553 (บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 ระหว่างเวลา 10.00 น.-22.00 น.) เพื่อที่ทางสมาคมฯ และศูนย์การค้าจังซีลอน หาดป่าตอง จะได้รวบรวมนำไปมอบให้กับทางจังหวัดภูเก็ตในวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2553 ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน เพื่อที่จะได้ดำเนินการแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่ประสบภัยโดยเร็วต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อขอความร่วมมือและโปรดช่วยประชาสัมพันธ์ ทางสมาคมฯ จึงขอขอบคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้.