Posts tagged: วิริยังค์ สิรินธโร

ปัจฉิมนิเทศ นักศึกษาครูสมาธิ รุ่น 30

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เปรียบเสมอว่าการที่เราได้มาเรียนร่วมกันเหมือนกับเราเรือลำเดียวกัน ได้มาร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน โดยที่ท่านเป็นกัปตันเรือ เราก็เป็นผู้โดยสาร อาจารย์และพี่เลี้ยงก็คงเปรียบเหมือนพนักงานบนเรือ มีวันที่ฝนตก น้ำท่วม ก็ต้องลุยน้ำกันมาเรียนด้วยจิตศรัทธา แต่การที่หลวงพ่อเปรียบว่าเราได้มาอยู่บนเรือลำเดียวกันนั้นมีความหมายยิ่งใหญ่กว่าการที่เราได้มาร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน การที่ได้ลงเรือลำเดียวกันนั้นท่านยังหมายถึงการที่เราได้ถึงจุดหมายปลายทางพร้อมๆกันดังเช่นวันนี้ ตอนขึ้นเรือ บางคนอาจจะพร้อม บางคนไม่พร้อม บางคนเศร้า บางคนสดใส บางคนนั่งสบายๆ บางคนกระสับกระส่าย แต่เมื่อเราเดินทางมา 6 เดือน ทุกคนก็ถึงจุดหมายพร้อมกัน

พระอาจารย์หลวงพ่อเปรียบเหมือนผู้ที่ฝึกให้เราหาเพชรและเจียระไนเพชร ไม่ใช่เพชรที่ไหน เพรชรในตัวของพวกเราเอง เพชรในตัวของเรามันมัวหมองปกคลุมไปด้วยโคลนตม ท่านก็สอนวิธีที่จะกำจัดโคลนตมออกทีละเล็กทีละน้อย สอนให้รู้ถึงคุณค่าของเพชร สอนให้รู้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน สอนให้เรารู้วิธีเจียระไนเพชรทีละเหลี่ยม ให้วิธีที่จะเจียระไนเพชรจนสำเร็จ ถึงแม้ว่าการเจียระไนเพชรของเราตอนนี้เพิ่งอยู่ในขั้นตอนของการเริ่มต้นเจียระไน แต่เราก็รู้ว่าหากจะเจียระไนให้เสร็จเราจะต้องทำอย่างไร Read more »

ประทีปเด็กไทย: โครงการสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยพระธรรมมงคลญาณ

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญบริจาคเงินให้กับโครงการประทีปเด็กไทย จริงๆอยากทำมาตั้งนานแล้ว เพราะความฝันอันหนึ่งของผมคือ อยากสร้างโรงเรียน เคยคิดกับตัวเองว่าถ้าเรามีเงินเยอะๆเราจะช่วยสังคมอย่างไร สำหรับผม การศึกษาคือคำตอบ เพราะผมคิดว่าการให้การศึกษาแก่เยาวชนจะช่วยแก้ปัญหาหลายอย่าง เช่น ถ้าเด็กมีความรู้เรื่องโภชนาการและสุขลักษณะ ปัญหาด้านสาธารณสุขก็ลดลง ถ้าเขามีความรู้พอที่จะมีอาชีพ ปัญหาเด็กเร่ร่อน การถูกหลอก การถูกเอารัดเอาเปรียบก็จะลดลง ปัญหาหลายปัญหาในประเทศเราแก้ได้ด้วยการศึกษา ถึงแม้ว่าความจริงแล้วที่ถูกต้องควรจะเป็นการศึกษาบวกกับศีลธรรม แต่ยังไงพื้นฐานก็คือการศึกษา

ตอนนี้ผมยังไม่มีเงินที่จะสร้างโรงเรียนให้เด็กๆ แต่สิ่งที่ทำได้คือร่วมเป็นอีกกำลังเล็กๆที่ช่วยให้โครงการประทีปเด็กไทยซึ่งเป็นโครงการสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ก่อตั้งโดยพระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) มีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กในวัย 2-6 ขวบ ได้รับการพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ในวันอาทิตย์ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่โครงการประทีปเด็กไทย เธอเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ยังมีโรงเรียนรอคิวที่จะขอทุนเพื่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอีกกว่า 20 โรงเรียน ผมจึงรับปากกับเธอว่าจะนำเรื่องราวของโครงการนี้ช่วยเผยแพร่ เผื่อเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยกันพัฒนาเยาวชนของชาติ ผู้ที่เราจะฝากประเทศของเราไว้ในอนาคต

ผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อทำบุญได้ที่
1. สถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล สุขุมวิท101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260
โทร 02 730 5827, 02 311 3903, 02 311 1387
โทรสาร 02 741 7841, 02 741 7821
2. โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางจาก บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 035-2-70147-5 ชื่อบัญชี โครงการประทีปเด็กไทย (วัดธรรมมงคล) แล้วแฟกซ์ใบนำฝากหรือถ่ายสำเนาใบโอนเงินให้กับโครงการ

เรียนสมาธิ นั่งสมาธิ ฟรี – สถาบันพลังจิตตานุภาพ

ข่าวดี !! สถาบันพลังจิตตานุภาพกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 30
เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด
สอนการปฏิบัติตามแนวทางของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
จัดตั้งหลักสูตรโดย พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินธโร)

การเรียน
* ปฐมนิเทศน์: 12 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 13.00 น.
* เริ่มเรียน: 13 กุมภาพันธ์ 2555 (ภาคปกติ) และ  18 กุมภาพันธ์ 2555 (ภาคพิเศษ)
* วัน และ เวลาเรียน:
– ภาคปกติ: วันจันทร์ – วันศุกร์  เวลา 18.00 – 20.30 น.
– ภาคพิเศษ: วันเสาร์ – อาทิตย์  เวลา 09.00 – 17.00 น.
* ระยะเวลาเรียน: 6 เดือน

การรับสมัคร
* วัน: ทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้ – 12 กุมภาพันธ์ 2555
* เวลา: 16.00 – 20.30 น.
* สถานที่: สถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์นำชัย 15
145 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
(อยู่ถัดจาก ธนาคารออมสิน ประมาณ 100 เมตร)

คุณสมบัติของผู้สมัคร
* บุคคลทั่วไป / นักเรียน / นักศึกษา
* อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
* มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ชั้น ม.3 ขึ้นไป
* สุขภาพดี แข็งแรง
* มีความอดทน ตั้งใจ และศรัทธา
* ไม่เป็นผู้มีสติฟั่นเฟือน
* ปฏิบัติตามกฎของสถาบันโดยเคร่งครัด
หลักฐานการสมัคร
* รูปถ่ายขนาด 1” จำนวน 2 รูป
* สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ฉบับ
* สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
* 081 272 0062, 083 594 1325

นั่งสมาธิ ทำไมยากจัง

คงเป็นธรรมดาของการที่เราไม่เคยทำอะไรบางอย่าง และลองทำเป็นครั้งแรก ก็จะรู้สึกขัดๆ หรือยาก เป็นเรื่องธรรมดา การเรียนสมาธิ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่ดูเหมือนไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายสำรับคนธรรมดาอย่างเราที่มีชีวิตอันวุ่นวายอยู่ในสังคมและการทำงาน

หลายๆท่านคงมีปัญหาเหมือนๆกันเวลาหัดนั่งสมาธิใหม่ๆคือ เราก็ได้แต่นั่งขัดสมาธิ เอามือขวาหงายทับมือซ้าย ท่องพุทโธได้แค่คำสองคำ ใจของเราก็ไม่ได้อยู่ที่พุทโธแล้ว เตลิดไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ อันนี้อยากให้ท่านเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของจิต (หรือใจ) ของเราเอง ไม่ได้แปลกอะไร

ใจของเรา มันก็มีคุณสมบัติของมัน เช่น ดิ้นรน กวัดแกว่ง ห้ามยาก รักษายาก เที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียว เป็นต้น แค่ท่านรู้คุณสมบัติเบื้องต้นของใจแค่นี้ท่านก็รู้แล้วใช่ไหมครับว่าใจเราเหมือนลิง แต่ไวยิ่งกว่า แค่เราจับลิงมาให้อยู่นิ่งๆก็ยากแล้ว จับใจให้อยู่นิ่งก็ยากยิ่งกว่า

แล้วจะทำอย่างไรให้ใจอยู่นิ่ง

ลิงอยู่นิ่งได้ก็ต้องฝึก ใจเราจะนิ่งจะสงบได้ก็ต้องฝึกเช่นกัน การที่เราทำงาน มีกิจกรรมมาทั้งวัน แล้วมานั่งสมาธิให้จิตใจสงบ บางครั้งมันเป็นการยากจริงๆ เหมือนน้ำที่ไหลเชี่ยวมา แล้วเราเอาอะไรไปขวางให้หยุดนิ่ง มันก็เอาไม่อยู่ ถูกแรงน้ำพัดไปหมด วิธีหนึ่งที่จะช่วยได้คือ การเดินจงกรม ก่อนนั่งสมาธิ การเดินจงกรมจะช่วยกรองอารมณ์ ช่วยลดระดับอารมณ์ที่วุ่นวายมาทั้งวัน เหมือนช่วยชะลอกระแสน้ำที่เชี่ยว

ผมเจอคนที่เคยลองทำสมาธิหลายท่าน ที่บางครั้งจิตใจไม่ค่อยนิ่งเวลานั่งสมาธิ เมื่อได้เดินจงกรมก่อน การนั่งสมาธิก็จะได้ผลดี ใจสงบขึ้นมาก บางคนที่มาเรียนที่สถาบันพลังจิตตานุภาพครั้งแรกๆ ก็แปลกใจที่ทำไมตัวเองรู้สึกสงบมากกว่าปกติ ก็เพราะเราเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิ

แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาทีก็ยากแล้ว

สำหรับคนเริ่มใหม่ (หรือแม้กระทั่งคนเก่า) แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาที ไม่ให้วอกแวกไปเรื่องอื่นเลย แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อันนี้ไม่ต้องตกใจครับเพราะเป็นกันทุกคน เราก็ต้องค่อยๆหัดตะล่อมใจตัวเองให้มาอยู่กับพุทโธ ฝึกให้ใจมาอยู่ที่จุดๆเดียวด้วยการนึกพุทโธ

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้กรุณาแนะนำว่า ให้สมมุติ “พุทโธ” เหมือนกับกระสุนปืน เมื่อมีอารมณ์หรือมีความคิดเข้ามา ให้เรานึกพุทโธเพื่อทำลายอารมณ์หรือความคิดเหล่านั้น เหมือนกับการที่เราเอากระสุนยิงศัตรู ยิ่งถ้ามีอารมณ์หรือความคิดเข้ามามาก ก็ให้เรานึกพุทโธถี่ขึ้น (ท่องพุทโธถี่ๆ) เหมือนกับเวลามีศัตรูเข้ามามาก ยิงกระสุนทีละนัดคงไม่ทัน ก็ต้องใช้การยิงปืนกลเพื่อฆ่าศัตรู (การนึกพุทโธ ไม่จำเป็นต้องตามจังหวะลมหายใจ)

ในบางครั้ง หากเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องคิด เราอาจจะคิดให้เสร็จขณะเดินจงกรมก็ได้ คิดเสร็จแล้วค่อยนึกพุทโธใหม่ก็ได้เช่นกัน การคิดในขณะที่เดินจงกรม ขณะที่ใจเราสงบ มีสมาธิ บางครั้งก็ทำให้เราได้ความคิดอะไรดีๆเหมือนกัน

สิ่งที่ยากกว่าคือการทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง

อย่างที่รู้กันแล้วว่า แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาทีก็ยากแล้ว แต่ทำอย่างไรที่เราจะฝึกนั่งสมาธิได้ทุกวัน อันนี้ยากกว่า แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ได้ ถ้าให้ผมเปรียบเทียบ ก็เหมือนกับเวลาเราต้มน้ำ เรายกกาต้มน้ำบนเตาไฟ ตั้งแค่ 2 นาทีแล้วยกออก รอไปอีก 2 ชั่วโมง แล้วก็เอากาไปตั้งบนเตาอีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปกี่เดือนกี่ปี น้ำไม่มีวันเดือดแน่นอน การทำสมาธิก็เช่นกัน ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ผลที่ได้ก็จะไม่เต็มที่

ใจของเรา มักจะสกปรกได้ง่าย สกปรกจากอารมณ์ต่างๆ ทั้งทำให้สุขและทุกข์ ในชีวิตประจำวันของเรา เจอกับอารมณ์ต่างๆเข้าสู่ใจตลอดเวลา ถ้าเราไม่หมั่นทำความสะอาด ใจของเราก็จะค่อยๆขุ่นมัว เพราะฉะนั้นเราควรจะปฏิบัติสมาธิอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำความสะอาดใจของเรา แค่ครั้งละ 5 นาทีก็ได้ ทำวันละ 3 ครั้งเหมือนทานข้าว 3 มื้อ

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้สอนพวกเราว่า “การทำสมาธิ เวลาขยันก็ทำ เวลาขี้เกียจก็ต้องทำ” ผมก็ปฏิบัติตามนั้น หมายความว่า เวลาขี้เกียจ เราได้ทำน้อยดีกว่าไม่ได้ทำเลย แต่ทำให้เป็นนิสัย ในปัจจุบัน ผมสามารถตื่นตอนตีห้าครึ่ง นั่งสมาธิ เดินจงกรม อย่างละ 30 นาทีแทบทุกวัน จริงๆแล้วทำทุกวันครับ แต่วันที่นอนดึก ตื่นไม่ไหว อาจทำน้อยกว่า 30 นาที เพื่อทำให้ติดเป็นนิสัย

ทำสมาธิแล้ว เหมือนไม่ได้อะไร

เป็นความรู้สึกปกติครับ เพราะการเรียนสมาธิ เป็นการทำงานกับใจ เป็นเรื่องของนามธรรม มันวัดกันยาก จะมีใครมาวัดให้เราก็ไม่ได้ เหมือนกับเรารับประทานอาหารแล้วอร่อยหรืออิ่ม ไม่มีใครมาบอกได้ว่าเราอร่อยหรืออื่ม ตัวเราจะรู้ตัวเราเองไม่มีใครบอก

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้เปรียบเทียบเหมือนเราเรียนหนังสือแล้วได้ความรู้ ลองนึกดูซิครับเราเรียนหนังสือแล้วเราได้ความรู้เมื่อไหร่ ลองคิดถึงเด็กๆที่อ่านไม่ออก แล้วหัดอ่าน ก ข ค .. เขาได้ความรู้เมื่อไหร่ บางทีเราตอบไม่ได้ แต่รู้อีกทีตอนสิ้นเทอม หรือสิ้นปีว่าเขามีความรู้เพิ่มขึ้นแล้ว เขาอ่านออกเขียนได้แล้ว การเรียนสมาธิก็เช่นเดียวกัน ตัวเราเองจะค่อยๆพัฒนาทีละเล็กทีละน้อย จนเวลาผ่านไป 2-3 เดือน เราจะสังเกตเห็นว่าเราเริ่มเปลี่ยนไป

รู้ได้อย่างไรว่าที่ทำสมาธิมาได้ผล

ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาครูสมาธิ อาจารย์ก็ถามพวกาเราอย่างนี้ในห้องเรียน หลังจากที่เราเรียนสมาธิไปได้ประมาณ 3 เดือน พวกเราก็ตอบกันไม่ค่อยถูกเหมือนกัน แต่พออาจารย์ตั้งคำถามใหม่ “ใครรู้สึกว่าตัวเองโกรธน้อยลง โกรธยาก หายเร็ว ซึาเศร้าน้อยลง นอนหลับสบายขึ้น หลับลึก ง่วงนอนน้อยลง ใจสบายขึ้น” พวกเราทุกคนเห็นด้วยว่าพวกเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นี่แหละครับการวัดผลขั้นต้น และเป็นผลที่ได้จากการเรียนสมาธิ

ถึงตอนนี้แล้ว ถ้าท่านทำความเข้าใจ และเริ่มคุ้นเคยกับการทำสมาธิ ก็จะเริ่มรู้ว่าการทำสมาธินั้นไม่ยาก จริงๆแล้วนอกจากปัญหากับใจข้างต้นแล้ว การเริ่มทำสมาธิใหม่ๆยังมีปัญหากับกาย เช่น นั่งนานแล้วปวดเมื่อย แรกๆอาจต้องอาศัยความอดทน ต่อจากนั้นก็จะเริ่มชิน สำหรับท่านที่นั่งขัดสมาธิไม่ได้ นั่งเก้าอี้แทนก็ได้ครับ การทำสมาธิเรื่องใหญ่คือการทำงานกับใจ ถ้าเราทำงานกับใจเป็น เรื่องกายนั้นไม่ใช่ปัญหา

 ท่านสามารถศึกษาวิธีปฏิบัติของสถาบันพลังจิตตานุภาพโดยคลิก การเดินจงกรม และ  การนั่งสมาธิ   ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามวิธีการของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

วิทิสาสมาธิ การทำสมาธิอย่างง่าย

วันนี้ผมมีเรื่องดีๆ มีประโยชน์สำหรับทุกท่านมาฝากครับ…

การทำสมาธินั้นมีประโยชน์อย่างมากมายสำหรับผู้ปฏิบัติ ทำให้เรามีสติ รู้ตัว ใจเย็น ลดอารมณ์ที่วุ่นวาย เป็นการพักผ่อน และประโยชน์อีกมากมาย การทำสมาธิเป็นการออกกำลังใจซึ่งทำให้จิตใจแข็งแรง เหมือนการออกกำลังกายซึ่งทำให้ร่างกายแข็งแรง

แต่ปัญหาก็คือ เรารู้ว่าดี แต่ไม่ได้ปฏิบัติ หรือไม่มีเวลาปฏิบัติ เหมือนรู้ว่าต้องออกกำลังกาย ออกกำลังกายแล้วดี แต่ก็ไม่ได้ทำ พระอาจารย์หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินธโร จึงคิดวิธีการทำสมาธิแบบง่าย แต่ง่ายแล้วได้ผลมาก เพื่อให้เราทุกคนมีโอกาสได้ทำสมาธิกันอย่างสม่ำเสมอ

อยากให้ทุกท่านลองปฏิบัติดู ง่ายๆ รับรองว่าเห็นผล แต่แน่นอน การที่เรามีร่างกายแข็งแรง เราก็ต้องค่อยๆทำ ค่อยๆฝึก การทำสมาธิเพื่อให้ใจมีกำลังก็เช่นกัน ไม่ได้เห็นผลเพียงแค่ข้ามคืน จากประสบการณ์ของผม ผู้ที่ทำสมาธิ 2-3 เดือน ก็จะรู้สึกได้กับผลดีที่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว

วิทิสาสมาธิ

วิทิสาสมาธิ คือ การปฏิบัติสมาธิของบุคคลทั่วไปอย่างง่ายที่สุด ทั้งบุคคลที่เคย และไม่เคยทำสมาธิมาก่อน เป็นการสะสมพลังจิตให้แก่ผู้ปฎิบัติ ที่สามารถทำได้ในทุกสถานที่ ทุกโอกาสตามความเหมาะสม

 

วิธีปฏิบัติ

ให้ปฏิบัติทุกวัน วันละ 3 ครั้ง (เช้า-กลางวัน-เย็น) ครั้งละ 5 นาที ณ สถานที่ใดๆก็ได้ ไม่มีคนพลุกพล่าน ในลักษณะอิริยาบถนั่งจะเหมาะสมที่สุด โดยการบริกรม พุทโธ พุทโธ พุทโธ ตลอดเวลา 5 นาที หรือมากกว่า

 

ผลที่ได้รับ

การกำหนดจิตให้สงบเป็นสมาธิได้ วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ก็เท่ากับวันละ 15 นาทีนั้น เมื่อรวมกัน 30 วัน (1 เดือน) ก็จะได้สมาธิ 450 นาที หรือ 7.5 ชั่วโมง ซึ่งการทำจิตให้สงบเป็นสมาธิได้ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อเดือนนั้น จิตจะมีพลังหรือเรียกว่า เป็นผู้มีพลังจิตเพียงพอแก่การควบคุมจิตใจ มิให้เกิดความหวั่นไหว เกิดความเครียด เกิดความวุ่นวาย ในทางตรงข้าม จะเป็นผู้มีความเบิกบาน มีสติ มีปัญญา มีหลักประพฤติดีงาม อันส่งผลให้เกิดความสงบสุข ทั้งแก่ตนเองและสังคม

 

ประสบการณ์ การธุดงค์ ที่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

นักศึกษาครูสมาธิ เมื่อเรียนภาคทฤษฎี และสอบข้อเขียนผ่านแล้ว จะจบหลักสูตรครูสมาธิได้ ก็ต้องผ่านการสอบภาคสนามคือ “การเดินธุดงค์ ที่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่” ถึงแม้จะรู้ว่าการไปธุดงค์นั้นจะไม่สบายเหมือนกับการปฏิบัติธรรมในวัด หรือในห้องเรียน แต่ผมคิดว่านักศึกษาครูสมาธิทุกคนต่างก็อยากไปเดินธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินธโร ผมเองก็เช่นเดียวกัน

ขอขอบคุณทีมพี่เลี้ยงทุกท่านที่ช่วยให้การธุดงค์ของเรามีความหมาย และประสบความสำเร็จ

การเดินธุดงค์ 4 วัน 3 คืน ที่ดอยอินทนนท์ สำหรับนักศึกษาครูสมาธิ 1300 คน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ (แคนนาดา และ สหรัฐอเมริกา) นั้นจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่มีทีมพี่เลี้ยง และทีมงานที่แข็งแกร่งของพระอาจารย์หลวงพ่อ ท่านลองนึกถึงการเดินด้วยแถวเรียงหนึ่งของคนพันกว่าคน แค่แถวก็ยามกว่า 1 กิโลเมตรแล้ว แต่คณะพี่เลี้ยงสามารถจัดแถวให้เดินได้อย่างเป็นระเบียบ มีการสลับกลุ่มให้ทุกกลุ่มมีโอกาสที่จะเดินใกล้พระอาจารย์หลวงพ่อ ในคณะนักศึกษามีตั้งแต่คนหนุ่มสาว จนถึงคนแก่อายุมากกว่า 60-70 ปี พระอาจาย์หลวงพ่อเองก็อายุ 92 ปีแล้ว ท่านก็เดินขึ้นเขาลงเขาไปร่วมกับพวกเรา การที่จะทำให้คนเมืองเอย่างเรา เดินในป่าได้ไปถึงจุดหมายทุกคน แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ดูยากแล้ว

ขอขอบคุณทีมอาหาร ที่ได้จัดเตรียมอาหารให้พร้อมเสริฟร้อนๆสำหรับพวกเราได้ทุกมื้อ (ยกเว้นมื้อเที่ยง ที่เป็นข้าวห่อให้พวกเราไปทานระหว่างทาง)  มีการแบ่งประเภทอาหารเป็นอาหารทั่วไป และ อาหารมังสวิรัติ ตามจำนวนคนที่ลงทะเบียนเอาไว้ มีน้ำร้อนให้พวกเราชงกาแฟ บริการอาหารให้กับคนพันกว่าคนได้ในเวลาอันรวดเร็ว ตอนที่คิวยาวๆ ผมเข้าคิวอย่างมากก็รอไม่เกิน 10 นาที ก็ได้อาหารแล้ว เป็นการจัดการที่เป็นระเบียบ และมีประสิทธิภาพมาก

ขอขอบคุณทีมเต้นท์ ที่ได้จัดเตรียมเต้นท์ที่นอน (พวกเราในทีมภูเก็ตเรียกกันว่ารีสอร์ท ในแต่ละรีสอร์ท ก็จะมีวิลล่าเป็นหลังๆให้พวกเราทุกคน) ให้พวกเราอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง ทีมเต้นท์ต้องมาเก็บเต้นท์ในตอนเช้า พร้อมทั้งขนเต้นท์ และสัมภาระของพวกเราไปยังจุดพักแรมจุดถัดไป พอไปถึงจุดพักแรมตอนเย็น พวกเราก็เห็นเต้นท์เป็นพันเต้นท์ เรียงไว้เรียบร้อย สวยงาม อย่างเป็นระเบียบ นี่เป็นงานที่ไม่ง่ายจริงๆครับ

ขอบคุณลูกหาบ ที่คอยหาบสัมภาระให้พวกเรา พวกเราจึงสามารถเดินได้อย่างสบาย ขนาดพวกเราเดินโดยมีแค่น้ำและของใช้เล็กน้อยติดตัว ก็เหนื่อยน่าดูแล้ว ลูกหาบต้องหามของขึ้นดอยหลายๆกิโล คงเหนื่อยมากกว่าเรามาก

ขอบคุณทีมสุขา ที่คอยทำส้วมให้พวกเราใช้ ส้วมที่จัดไว้ให้พวกเรา จะเป็นเต้นท์ทรงสูง ข้างในมีเก้าอี้เหมือนกับเก้าอี้นั่งถ่ายสำหรับผู้ป่วย และมีส้วมหลุมเอาไว้ให้ พวกเรา ในป่าแบบนี้ ถ้าไม่มีส้วม คงเป็นอะไรที่ลำบากมาก สำหรับคนพันกว่าคน

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ทีมงานทุกทีม ทุกท่าน ที่ไม่สามารถกล่าวถึงได้หมด ความสำเร็จของพวกเรา นักศึกษาครูสมาธิรุ่น 27 ในวันนี้ มีผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จมากมาเหลือเกิน ขออนุโมทนาสาธุกับบุญความดีที่ทุกท่านได้ทำไว้ด้วยครับ

 

แก้ปัญหา..นอนไม่หลับ ด้วยสมาธิ

การนอน เรื่องง่ายๆสำหรับคนทั่วไป แต่อาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับบางคนเพราะเขา”นอนไม่หลับ” ผมคิดว่าหลายๆคนก็อาจจะเคยนอนไม่หลับ แค่นอนไม่หลับคืนเดียวก็ทรมานแล้ว เช้าขึ้นระบบของร่างกายรวนหมดเลย เป็นอันทำงานทำการไม่ได้

ปัญหาการนอนไม่หลับเป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะคนที่เป็นส่วนมาก ไม่ใช่นอนไม่หลับแค่คืนเดียว แต่นอนไม่หลับหลายๆคืน หรือทุกๆคืน ทำให้บั่นทอนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ

หลังจากที่ผมได้เรียนเรื่องสมาธิ ก็ได้รู้ว่าการการนั่งสมาธิ และเดินจงกรมนั้นให้ประโยชน์หลายอย่าง รวมถึงช่วยเรื่องการนอนไม่หลับด้วย มีหลายๆคนที่เดิมหลับยาก หรือหลับไม่สนิท พอได้มาเรียนสมาธิแล้ว ก็ช่วยให้หลับง่าย และหลับลึกขึ้น

ตามหลักสูตรครูสมาธิของพระอาจารย์ หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินทโร ท่านอธิบายเกี่ยวกับการนอนไว้ว่า การนอนก็คือการทำสมาธิอย่างหนึ่ง เป็นการได้สมาธิโดยธรรมชาติ ที่เราไม่ได้นอนแล้วอยู่ไม่ได้ ก็เพราะเราขาดสมาธิ (ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ) นั่นเอง

แต่สำหรับคนที่ทำสมาธินั้น แม้จะนอนน้อยก็สามารถอยู่ได้ เพราะสมาธิที่สร้างขึ้นโดยการทำสมาธิ (เช่น การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม) นั้นมีเพียงพอสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน

สำหรับตัวผมเอง การเรียนสมาธิ ทำให้ผมหลับสนิทและหลับลึกขึ้น ทำให้ความเพลียระหว่างวันลดลง เมื่อก่อน ผมมักจะง่วง และต้องแอบงีบตอนกลางวัน อย่างน้อยสักครึ่งชั่วโมง แต่หลังจากการเรียนสมาธิมา 2-3 เดือน ผมแทบไม่ต้องนอนกลางวันเลย จะมีบ้างเฉพาะวันที่นอนดึก

เมื่อวาน ผมยังได้คุยกับพี่จิ๊บ (นักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 26) พี่จิ๊บมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับมาประมาณ 4 ปี ถึงขนาดต้องหาหมอกินยา และหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคนอนไม่หลับ หรือ Insomnia พี่จิ๊บต้องทรมานกับโรคนอนไม่หลับอยู่หลายปี วิธีทางเดียวที่จะทำให้เธอนอนหลับได้ก็คือ “ยา” เริ่มกินยาทีละน้อย และก็ต้องเพิ่มขนาดขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่ายาจะมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว ก็จำเป็นต้องกิน เพราะได้ลองหลายวิธีเพื่อให้นอนหลับ แต่ก็ไม่เป็นผล

หลังจากที่พี่จิ๊บได้มาเรียนสมาธิในหลักสูตรครูสมาธิประมาณ 3 เดือน อาการนอนไม่หลับก็เริ่มดีขึ้น ลดการใช้ยาลง เหลือรับประทานยาเพียงแค่ครั้งละครึ่งเม็ด วิธีที่พี่จิ๊บใช้ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับคือ การนั่งสมาธิก่อนนอน หลังจากพี่จิ๊บทำกิจวัตรประจำวันเสร็จ และพร้อมเข้าน้อนแล้ว พี่จิ๊บก็จะนั่งสมาธิก่อนนอนประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็นอนทันทีเลย วิธีนี้ทำแล้วได้ผล และทำให้พี่จิ๊บหลับได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้ได้ทำสมาธิมาประมาณ 9 เดือนแล้ว หลังจากไปเดินธุดงค์ที่ดอยอินทนนท์กลับมา ก็นอนหลับได้เอง ไม่ต้องใช้ยาอีกเลย หมอก็บอกว่าหายแล้ว ยาที่เหลือก็ให้เก็บเผื่อไว้จนหมดอายุ แล้วค่อยทิ้งมันไป

ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่สมาธิช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างมาก

WordPress Themes