เด็กๆ เหมือนกระจกบานใหญ่ที่ส่องครอบครัวของเรา จริงหรือเปล่า?
– ถ้าเด็กร่าเริง มีความสุข ก็คงมาจากครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข
– ถ้าเด็กหดหู่ หวาดระแวง เก็บกด ก็อาจจะมาจากครอบครัวที่มีปัญหา
เราคงต้องหันมามองกระจกบานใหญ่ของเราบ้าง ว่าตัวเราเองหรือครอบครัวของเราเป็นอย่างไร มองจากเด็กๆที่เป็นผลลัพธ์โดยตรงของการกระทำต่างๆของเราและคนในครอบครัวของเรา บางครั้งเขาก็สุข บางครั้งเขาก็ทุกข์ เพราะใคร
มาร่วมกันทำให้ทุกครอบครัวมีความสุขฉลองปีใหม่ และตลอดไปครับ
ขอบคุณ อ.จีระสิทธิ์ ถิรวิริยาภรณ์ ที่แบ่งปันประสบการณ์ในการบรรยาย ยุวสาสมาธิ 26/12/2013
ก่อนอ่านเรื่องนี้ ลองคิดดูเล่นๆก่อนดีไหมครับว่า ถ้าไม่มีทีวี จะมีผลกระทบกับชีวิตเราอย่างไร
… แล้วค่อยลองไปอ่านดู ว่าเด็กๆคิดยังไง
เช้าวันอาทิตย์ หลังจากที่ลูกชาย 2 คน ทานข้าวกันเรียบร้อย แต่ยังไม่ยอมไปอาบน้ำ
ผม: “เด็กๆ ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำกัน”
ลูก: “ขอดูการ์ตูนก่อน”
ผม: “ก็อาบน้ำให้เสร็จแล้วค่อยมาดูซิ”
ลูก: “ไม่เอา ขอดูการ์ตูนอีกแป๊บเดียว”
ผม: “ถ้าดูทีวีแล้วทำให้ลูกไม่มีระเบียบวินัย เราขายทีวีเลยดีไหม”
ลูก: “ถ้าขายทีวีแล้ว ปาป๊าก็จะไม่ได้ดูข่าวด้วย ต่อไปถ้าโลกจะแตก ปาป๊าก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้ดูข่าว ก็ไม่ได้เตรียมตัว กิ๊วกิ๊ว”
**ดูเด็กสมัยนี้ รู้จักต่อรองสารพัด
เรื่องสดๆร้อนๆ เพิ่งเกิดเมื่อค่ำวันนี้ 6/8/2010 เอง
เจ้าน้องชาย (เกือบ 3 ปี) กับพี่ชาย (เกือบ 6 ปี) แย่งยางลบกัน น้องชายพอแย่งไม่ได้ก็เลยตีหลังพี่ชายไปหลายที
พี่น้องเกือบจะวางมวยกันอีกแล้ว จึงต้องเรียกมาอบรม
ก็ถามเจ้าน้องชาย “เมื่อกี้ทำอะไร”
เจ้าน้องชายตอบ “แย่งยางลบ”
ถาม “รู้ไหมว่าทำผิด”
เจ้าน้องชายตอบ “รู้”
ถาม “พี่น้องกันต้องรักกันใช่ไหม”
เจ้าน้องชายตอบ “ใช่”
ถาม “รู้ไหมว่าผิดอะไร”
เจ้าน้องชายตอบ “แย่งยางลบ”
ถาม “แล้วผิดอะไรอีก”
เจ้าน้องชายคิดแป๊บหนึ่ง แล้วตอบ “ไปตีหลังพี่ชาย”
ถาม “รู้ไหมทำไมตีไม่ได้”
เจ้าน้องชายตอบ “หลังพี่ชายไม่ใช่กลอง”
555 ทีนี้หละครับ กำลังสอนลูกซีเรียสๆอยู่ ก๊ากแตกแลยครับ คิดได้ยังไงนี่ หลังพี่ชายไม่ใช่กลอง เลยตีไม่ได้ เฮ้อ ถูกของมัน
ลูกชายวัยเกือบ 3 ขวบกำลังทานนมในบ้านครับ
ทานตั้งนาน ไม่หมดสักที พี่เลี้ยงชาวต่างชาติของเราก็เลยพูด
“กินช้าจัง กินนมภาษาอะไรไม่หมดสักที”
ลูกชายก็เลยตอบ
“ภาษาไทย”
พี่เลี้ยงงงเลยครับ สงสัยต่อไปเขาต้องสอนให้ลูก “กินนมภาษาพม่าแน่เลย”
55
วันนี้ วันอังคารที่ 27 กรกฏาคม 2553 วันเข้าพรรษา
ลูกชายวัย 5 ขวบ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับร้องไห้เข้าไปหาแม่ (ตอนแรก แม่ก็นึกว่าฝันร้าย)
“หม่าม้า วันนี้ไม่ไปโรงเรียนนะหม่าม้า” ลูกชายพูดทั้งน้ำตา
“วันนี้ไม่ต้องไป วันนี้วันหยุดอยู่แล้ว” แม่อธิบาย
ลูกชายอึ้ง และเงียบไปแป๊บหนึ่ง
“‘ฮือๆ งั้นพรุ่งนี้ก็ไม่ไปโรงเรียนนะหม่าม้า” ลูกชายพูดและร้องต่อ
…
ถ้าเป็นเรา เราก็น่าจะนิ่ง แล้วไปวิ่งเล่น แต่นี่เด็กมันรู้จักวางแผนอนาคตแฮะ
คิดแล้วอายเด็ก
ถ้าเด็กไทยทุกคน ได้มีโอกาสได้รับประสบการณ์ แบบที่เขาสอนที่ Gymboree คงดีไม่น้อย พัฒนาการของเด็กไทยคงดีมากๆ เพราะเขาสอนด้วยการเล่น ให้เด็กได้เล่น สนุกสนาน แต่ก็สอดแทรกการเข้าสังคม การทำงานร่วมกัน การพัฒนาทั้งร่างกาย และจิตใจ
วันเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพาลูกน้อยไปลองเรียนที่ Gymboree ที่เพิ่งเปิดที่เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ตเมื่อเร็วๆนี้ ที่สนใจให้ลูกไปลองเรียนที่ Gymboree ก็เพราะเพื่อนรักคนหนึ่งที่กรุงเทพฯ เขาเล่าให้ฟังว่า เขาส่งลูกไปเรียน เขาสอนดี เด็กมีความสุข พอได้เห็น Gymboree เปิดที่ภูเก็ต (อยู่ที่ EDU Zone ของ Central Festival ภูเก็ต) ก็เลยรีบลองไปดู
ตอนแรกที่ไปจองคิว ได้คุยกับครูผู้สอน ซึ่งเป็นเด็กจบใหม่ และไปฝึกการสอนกับ Gymboree ที่กรุงเทพฯ มาแค่ 4 เดือน ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าเขาจะทำได้ดี เพราะผมคิดว่า ครูที่ไม่ได้จบด้านครูโดยตรง และผ่านการเรียนและฝึกสอนในระยะเวลาอันสั้น ไม่น่าจะทำหลักสูตรได้ดี แต่ครั้นได้ไปเห็นน้องเขาสอนเด็กๆในวันจริงแค่ไม่ถึง 1 นาที ก็รู้ตัวว่า ผมคิดผิด เพราะเขาสามารถนำเด็กๆทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว สนุกสนาน และเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญ เขาต้องนำเด็กทำกิจกรรมด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งทำได้ดีมากๆในสายตาของผม ยอมรับครับว่า ครูเขามีคุณภาพจริงๆ
การทำกิจกรรมในวันนั้น มีหัวข้อคือ “Constructions” หรือ การก่อสร้าง (มีเวลา 45 นาที)
– โดยคุณครูจะเริ่มเตรียมความพร้อมเด็กๆ ด้วยการเปิดดนตรี ทักทาย เรียกชื่อ ตบมือ เคาะจังหวะ
– เมื่อเด็กๆเริ่มพร้อม ก็เริ่มการเล่านิทานสนุกๆ เกี่ยวกับการสร้างบ้านของหมีน้อย
– แล้วก็ให้เด็กๆเริ่มการสร้างบ้านด้วยการเลี่อยไม้
– จากนั้นก็สมมุติให้หลังคารั่ว แล้วก็เอาแผ่นกระเบื้องมามุงหลังคา
– ให้เด็กใช้แปลงเล็กๆทาสีต่างๆ
– มีการเรียงบล๊อกโฟม เหมือนการวางอิฐ
– จากนั้นให้เด็กสนุกสนานกับการให้ฮิบโปตัวน้อยกินลูกโป่งฟองสบู่
– ร้องเพลงจบการเรียน
– คุณครูให้รางวัลด้วยตราประทับบนมือ (เหมือนให้ดาวเด็กๆ)
สรุปแล้ว ผมประทับใจในหลักสูตรการสอน ครูผู้สอน ความใส่ใจแม้ในเรื่องเล็กน้อยของทีมงาน เรียกได้ว่าประทับใจมากๆ มีไม่ค่อยประทับใจอยู่อย่างเดียว คือ ราคาค่าเรียนแพงมาก แต่โดยความเห็นผมแล้ว ถ้าพ่อแม่คนไหนพอมีกำลังก็น่าให้ลูกไปเรียนครับ
มีเรื่องเล่าขำๆของเจ้าตัวเล็กมาเล่าให้ฟังอีกแล้วครับ
วันนี้เป็นวันหยุดของพี่เลี้ยงครับ แฟนผมก็ได้พูดเปรยๆกับคุณแม่ว่า
“วันนี้ต้องมึนแน่เลย ตัวพี่ก็ไม่ไปโรงเรียน ตัวเล็กก็อยู่ อยู่บ้านทั้งสองคน ไม่มีใครช่วยดู”
เจ้าตัวเล็กแอบได้ยิน (ตอนนี้ประมาณ 2.5 ขวบ) ก็พูดตอบมา
“ไม่ต้องห่วง”
อืม! เด็กหนอเด็ก
วันนี้ระหว่างขับรถกลับบ้าน เจ้าลูกชายวัย 2 ขวบกว่าเห็นนกบินอยู่บนท้องฟ้า
ลูกชาย: หม่าม้าจับนกให้หน่อย
แม่: จับไม่ถึง
ลูกชาย: ก็ยืนจับแล้หม่าม้า
แม่: ยืนก็จับไม่ถึง
ลูกชาย: ก็กระโดดแล้หม่าม้า
แม่: กระโดดก็ยังไม่ถึง
.
.
(ถ้าเป็นท่าน ตอนอายุ 2 ขวบ จะใช้กลยุทธ์อะไรต่อ)
.
.
.
ลูกชาย: ก็ใช้บันไดแล้หม่าม้า
แม่: <อึ้งค่ะ>
* แค่เด็ก 2 ขวบยังมีความพยายามขนาดนี้ และที่สำคัญไม่มีกรอบมากั้นความคิดเขา
* สำหรับท่านที่ไม่ใช่คนภูเก็ต “แล้” เป็นสร้อยครับ แทน “แล้” ด้วยคำว่า “ซิ” แล้วจะอ่านรู้เรื่อง
วันนี้ลูกตัวแสบ 2 คนของผมก่อวีรกรรมน่าปวดหัว แต่ก็นึกในใจว่าเด็กแค่นี้สามารถวางแผนได้ขนาดนี้
ออกัส อายุ 5.5 ขวบ อะตอม อายุ 2.5 ขวบ
วันนี้ตอนประมาณ 10.00 น. พอแอนเริ่มรู้ตัวว่าลูกหายไปจากบ้าน ก็รีบหาเป็นการใหญ่ โทรถามทุกคน หาแถวข้างบ้าน ตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครตอบ หากันกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะเจอ เล่นเอาทุกคนใจหายใจคว่ำ
วันนี้เจ้าออกัสไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมา ชวนน้องขึ้นไปหลบทุกคนอยู่ข้างบนชั้น 2 ปกติจะขึ้นข้างบนก็ต้องถอดรองเท้าวางไว้ที่บันได เจ้า 2 คนนี้ก็ถอดรองเท้า แต่ถือรองเท้าขึ้นไปชั้น 2 ด้วย เพื่อไม่ให้ทุกคนหาเจอ แล้วแอบไปหัวเราะคิกคักกัน 2 คน
แสบดีไหมครับ ไม่คิดว่าอายุแค่นี้จะเริ่มวางแผนได้ แถมสามารถบอกให้น้องอยู่เงียบๆไม่ส่งเสียงดังได้