การเดินจงกรม มีประโยชน์คือ เป็นการช่วยกรองอารมณ์ คือการทำให้เราค่อยๆลดสิ่งกังวล หรือลดเรื่องที่เราคิดอยู่ในแต่ละวัน ปกติเราจะเดินจงกรมก่อนการนั่งสมาธิ เพื่อทำให้เรานั่งสมาธิได้ดีขึ้น ท่านสามารถศึกษาวิธีการนั่งสมาธิได้ที่ วิธีการทำสมาธิ สำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยการนั่งสมาธิ
วิธีการเดินจงกรมนี้ เป็นวิธีที่ผมได้รับการสอน จากพระอาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ในการเรียน หลักสูตรครูสมาธิ @ สถาบันพลังจิตตานุภาพ จังหวัดภูเก็ต
วิธีการเดินจงกรม
๑. กำหนดเส้นทางเดินจงกรม
การกำหนดเส้นทางการเดินจงกรม ไม่ควรสั้นหรือยาวจนเกินไป ปกติประมาณ 10-20 เมตร ก็ได้ หรือจัดให้เหมาะกับสถานที่
๒. ยืนตรงจุดเริ่มต้นทางเดินจงกรม พนมมือระหว่างอกแล้ว สำรวมจิต กล่าวคำอธิษฐานเดินจงกรม
กล่าวว่า ” เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พุทโธ พุทโธ พุทโธ ”
ยกมือที่พนมสูงขึ้นระหว่างคิ้ว กล่าวในใจว่า “สาธุ”
๓. เอามือลง ใช้มือขวาจับมือซ้าย วางไว้ตรงท้องน้อย ห้อยมือพอสบายไม่เกร็ง
๔. กำหนดจิตไว้ที่ฐานวางจิต ไม่ต้องหลับตา ตามองทางเดินจงกรมไกลว่าตัวประมาณ ๑.๕ – ๒ เมตร
ฐานวางจิต ให้เลือกได้ 5 จุด คือ หน้าผาก ปลายจมูก บริเวณใบหน้า หัวใจ หรือ สะดือ
๕. เริ่มบริกรรมคำว่า ” พุทโธ ๆ ” อยู่ในใจ พร้อมก้าวเท้าขวาเดินตามด้วยเท้าซ้าย ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป เดินในลักษณะเดินปกติ
๖. เมื่อเดินสุดทางจงกรม ให้ค่อย ๆ หมุนตัวกลับทางขวา ยืนทรงตัวตรง แล้วจึงเริ่มก้าวด้วยเท้าขวาเหมือนตอนเริ่มต้น
๗. เมื่อครบตามเวลาทำกำหนด ให้ยืนตรงจุดเริ่มต้นเดิน พนมมือระหว่างอก กล่าวแผ่เมตตาสั้นๆ
กล่าวว่า ” สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ
ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุข ๆ เถิด”
แล้วยกมือที่พนมขึ้นระหว่างคิ้วแล้วกล่าวในใจว่า ” สาธุ ” เป็นอันจบพิธีการเดินจงกรม
Tags: จังหวัดภูเก็ต, ทำสมาธิ, นั่งสมาธิ, ภูเก็ต, วิธีการ, สถาบันพลังจิตตานุภาพ, สมาธิ, หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร, เดินจงกรม, เรียนสมาธิ
นั่งสมาธิ-เรียนสมาธิ, สุขภาพ กาย&ใจ | lupthawit 01/11/2010 | Comments (2)
ตอนนี้ผมได้เรียนสมาธิที่สถาบันพลังจิตตานุภาพมาประมาณเดือนกว่าแล้ว เรียนหนังสือจบไป 1 เล่ม (ทั้งหมดของหลักสูตรครูสมาธิมี 3 เล่ม) ก็รู้สึกว่าการเรียนสมาธินี้ได้ประโยชน์จริงๆครับ ถึงแม้เราเพิ่งฝึกมาไม่นาน
แรกๆที่เรียนก็ไม่สามารถนั่งสมาธิ หรือเดินจงกรมได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะใจยังฟุ้งซ่าน คิดถึงเรื่องงาน เรื่องโน่นเรื่องนี่เต็มไปหมด คิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะหมดเวลา ตอนนี้ สามารถนั่งสมาธิได้จนหมดเวลา หรือเกือบหมดเวลาได้แล้ว อาจจะมีการคิดแวบไปแวบมาบ้างเป็นปกติของคนเพิ่งเริ่มหัด
ประโยชน์ของการเรียนสมาธินั้นมีมากมาย แต่บางคนเรียนแล้วบอกว่าเหมือนไม่ได้อะไร อาจเนื่องมาจากความคืบหน้าของการเรียนไม่มีอะไรวัดได้อย่างชัดเจน หลวงพ่อท่านเปรียบเทียบให้เข้าใจว่า มันก็เหมือนกับการเรียนหนังสือตอนเด็กๆ ถามว่าเรามีความรู้เมื่อไหร่ เราเก่งขึ้นเมื่อไหร่ ตอนไหน ตอบไม่ได้ใช่ไหมครับ เพราะความรู้ที่เรามี ค่อยๆเพิ่มทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆสะสม จนเราเก่งขึ้นในทุกวันนี้
การเรียนสมาธิก็เช่นเดียวกัน พลังจิตที่เราได้ จะค่อยๆสะสม เราจะค่อยๆเก่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยที่เราไม่รู้ตัว จะรู้ตัวว่าเราเก่งขึ้น ตัดสินใจได้ดีขึ้น ก็ตอนที่เราได้ใช้มัน เช่น เวลาตกใจ เวลาโกรธ เวลาเกิดเรื่องฉุกเฉิน
หลวงพ่อยังสอนอีกว่า สมาธิเป็นสิ่งจำเป็น ต้องมีและต้องฝึก เหมือนการว่ายน้ำ ถ้าเรามาหัดว่ายน้ำเวลาใกล้จะจมน้ำ มันไม่ทันแล้ว เราต้องหัดว่ายน้ำไว้ก่อน เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน จะจมน้ำ เราจะได้ช่วยตัวเองได้
สิ่งที่ผมได้จากการเรียนสมาธิ
สบายใจ หลังจากเรียนสมาธิแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองสบายใจขึ้นมาก สามารถแยกแยะและแก้ปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ดีขึ้น ก็เพราะเราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ทั้งชีวิตของเรา เราเรียนรู้เรื่องต่างๆมากมาย ทั้งในโลก และนอกโลก แต่เรามักจะไม่ค่อยได้เรียนรู้เรื่องของตัวเอง ใจของตัวเอง เมื่อได้เรียนเรื่องตัวเองแล้ว ก็ทำให้เราเข้าใจการทำงานของใจ ทำให้เราเข้าใจทั้งตัวเอง และผู้อื่นมากขึ้น
นิ่งขึ้น ปกติคนทุกคนจะมีเรื่องที่ทำให้โกรธ หรือโมโหแตกต่างกันไป เรื่องบางเรื่อง อาจจะดูธรรมดามากสำหรับเรา แต่อาจทำให้เพื่อนของเราโกรธมาก (ขอใช้คำว่า เรื่องบางเรื่องนั้นไปกระตุ้นต่อมโกรธ) สำหรับผมก็เช่นกัน ปกติอาจจะใจร้อน แต่ไม่ใช่คนที่โกรธง่าย แต่ก็มีบางเรื่องที่มากระตุ้นต่อมโกรธของเรา
เมื่อก่อน เมื่อโกรธแล้ว จะรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบายใจ ไม่พอใจ รวมถึงความรู้สึกที่ไม่ดีทั้งหลายไป 2-3 วัน แต่หลังจากเรียนสมาธิแล้ว ตอนเราโกรธ เราก็รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธอยู่ และก็คิดได้ และหายโกรธใน 2-3 ชั่วโมง ก็ดีกว่าเดิมเยอะ ถึงแม้ว่าเรายังไม่เก่งพอที่จะไม่โกรธเลย
หน้าใส อันนี้ไม่ได้พูดเองครับ แต่มีคนบอก บางคนไม่รู้ว่าเราเรียนสมาธิ แต่ได้มาเจอกันก็ยังบอกอย่างนั้น อาจเป็นเพราะเรียนแล้วรู้สึกสบาย ได้พักผ่อนทั้งกายและใจ เลยทำให้ตัวเองดูดีขึ้น
ได้เพื่อน แน่นอนครับกัลยาณมิตรจะพบได้ก็เฉพาะในที่ดีๆ คนไม่ดี คงไม่สามารถมาเรียนรู้ ฝึกทำสมาธิได้นานๆ เพราะใจร้อน ไม่นิ่งพอที่จะทำได้ มาเรียนสมาธิจึงเป็นโอกาสดีที่ทำให้เราได้เพื่อนดีๆ
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนครับ หลังจากเรียนอีกสักพัก หากมีความคืบหน้าอย่างไร จะได้มาเล่าสู่กันฟัง
ท่านที่ยังไม่เคยรู้เรื่องหลักสูตรครูสมาธิ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ หลักสูตรครูสมาธิ @ สถาบันพลังจิตตานุภาพ จังหวัดภูเก็ต
Tags: ครูสมาธิ, จังหวัดภูเก็ต, ตัวเมืองภูเก็ต, นั่งสมาธิ, พลังจิต, ภูเก็ต, สถาบันพลังจิตตานุภาพ, สมาธิ, สอนสมาธิ, เดินจงกรม, เรียนสมาธิ
นั่งสมาธิ-เรียนสมาธิ, ภูเก็ต, สุขภาพ กาย&ใจ | lupthawit 21/09/2010 | Comments (0)
หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่อยากพัฒนาตัวเอง รู้จักตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านจิตใจ การเรียนสมาธิเป็นทางเลือกที่ดีครับ เพราะนอกจากท่านจะได้รู้ถึงธรรมชาติของจิตใจของตัวเองแล้ว ยังเป็นการพัฒนาตัวเองโดยการใช้สมาธิ ถ้าสมัยใหม่ก็น่าเหมือนๆกับการพัฒนา EQ
สถาบันพลังจิตตานุภาพ ก่อตั้งโดย พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่เรียนรู้เรื่องสมาธิ ถึงแม้จะไม่มีความรู้เรื่องสมาธิมาก่อนก็สามารถเรียนได้
หลักสูตรครูสมาธิ เป็นหลักสูตรที่ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร คิดขึ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจในสมาธิไม่ว่าจะเคยบำเพ็ญสมาธิมาก่อนหรือไม่ ได้รับความรู้ความเข้าใจในสมาธิแบบง่ายๆ ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติอย่างชัดเจน จนมีความรู้เพียงพอที่จะสอนผู้อื่นได้
สถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์นำชัย จังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ถนนพังงา อยู่ถัดจากธนาคารออมสิน สาขาภูเก็ต ไปประมาณ 100 เมตร
หลักสูตรครูสมาธิ เป็นหลักสูตรที่เหมาะกับคนทำงานทั่วๆไปครับ เพราะเรียนเฉพาะช่วงเย็น 18.00 – 20.30 น. วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ และพระอาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ก็ได้จัดหลักสูตรอธิบายเรื่องสมาธิไว้อย่างละเอียด ทำให้คนทั่วๆไปเข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย
การเรียนในแต่ละวันจะมีอยู่ 3 ช่วงคือ
1. การฝังคำบรรยายจากวิทยากร และฟังเทปของหลวงพ่อ
< พักทานอาหารว่าง >
2. เดินจงกรม
3. นั่งสมาธิ
ขอเชิญชวนเพื่อนๆและผู้สนใจในการเรียนสมาธิลองมาเรียนครับ ผมคิดว่าได้ประโยชน์อย่างมากจริงๆ เพื่อนๆที่อยู่ต่างจังหวัดก็เรียนได้ เพราะ
สถาบันพลังจิตตานุภาพมีศูนย์อยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.samathi.com/
ช่วงนี้เพื่อนๆหลายคนอาจไม่ค่อยได้เจอผม เพราผมแอบหนีไปเรียนสมาธิครับ หลายคนถามว่า”ทำไมถึงไปเรียนสมาธิ” คำตอบง่ายๆคือ”อยากรู้” พออยากรู้ก็เลยไปเรียนให้รู้จริง
ตอนเด็กๆ ผมเคยตามคุณแม่ไปสวดมนต์ นั่งสมาธิบ้าง แต่ก็ทำไปตามภาษาเด็ก ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ตอนเรียนหนังสือก็มีโอกาสได้นั่งสมาธิบ้าง ก็รู้ว่าวิชาสมาธินั้นมีประโยชน์ และผมคิดว่าตัวเองก็เป็นคนมีสมาธิระดับหนึ่ง สำหรับกรณีตัวผมเองเห็นได้ชัดก็ตอนที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เวลาตื่นเต้น หรือการเล่นเกมส์บนเวที ก็มักจะตัดสินใจได้ดี
จริงๆแล้ว ผมสนใจจะเข้าปฏิบัติธรรม หรือฝึกนั่งสมาธิมานานแล้วครับ แต่หาโอกาสไม่ได้สักที เพราะหลักสูตรสมาธิส่วนใหญ่ก็มักจะต้องใช้เวลานานทั้งวัน หลายวัน บางหลักสูตรก็ต้องนอนค้างที่วัดหรือสถานปฏิบัติธรรม ทำให้คนที่มีภาระทางโลกเยอะอย่างเราๆไม่สามารถจะไปเรียนได้
พอเห็นได้ยินข่าวเกี่ยวกับหลักสูตร”ครูสมาธิ” ของ “สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขาภูเก็ต” ก็สนใจ เพราะหลักสูตรครูสมาธินี้เรียนเฉพาะช่วงเย็น 18.00 – 20.30 น. วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ แต่อาจจะใช้เวลานาน คือใช้เวลา 6 เดือน แต่ก็เหมาะสำหรับคนทำงานอย่างเรา คิดเสียว่าไปเรียนพิเศษ เหมือนที่เด็กๆเขาเรียนกันไง