ทำสมาธินานเท่าไหร่จึงได้ผล
“ทำสมาธิ ทำเท่าไหร่จึงจะได้ผล” เป็นอีกคำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่หัดทำสมาธิ แล้วอยากให้ได้ผลเร็วๆ จริงๆแล้วคำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะการเกิดผลของการทำสมาธิขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างซึ่งไม่เหมือนกันในแต่ละคน
ถ้าจะเปรียบเทียบกับการออกกำลังกาย ก็เหมือนกับมีคนถามเราว่า “ออกกำลังกายมากเท่าไหร่ร่างกายเราจะแข็งแรง” ตอบยากใช่ไหมครับ แต่เราก็พอจะรู้คร่าวๆได้ว่า หากเราออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัก 3-4 เดือน เราจะรู้สึกได้ว่าร่างกายเราดีขึ้น แข็งแรงขึ้น จากประสบการณ์ของผม โดยทั่วๆไปแล้ว คนที่มาฝึกนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 3-4 เดือน ก็จะเริ่มรู้สึกได้เช่นเดียวกันว่าฝึกสมาธิแล้วได้ผล
ได้ผลจากการทำสมาธิ วัดได้อย่างไร
คำว่า “ได้ผล” นั้นวัดได้อย่างไร ขอเปรียบเทียบกับการออกกำลังกายอีกนะครับ เรารู้หรือวัดได้อย่างไรว่า ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้นแล้วหลังจากที่เราออกกำลังกายไประยะหนึ่ง มันวัดได้ยากแต่ก็พอสังเกตได้ เช่น เมื่อเราออกกำลังกายจนร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว เวลาฝนตก อากาศเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนเคยเป็นหวัด แต่หลังจากออกกำลังกายก็ไม่เป็นหวัดเหมือนเคยเป็น หรือ เราสามารถยกน้ำหนักที่หนักขึ้นได้ นี่ก็เป็นการบอกว่าร่างกายของเราแข็งแรงขึ้น ใจที่แข็งแรงขึ้น อาจไม่สามารถวัดได้ชัดเจน แต่ก็พอสังเกตได้ว่าใจเรามีกำลังขึ้น เช่น เรามีความสุขมากขึ้น มีสติมากขึ้น โมโหน้อยลง โกรธยากขึ้น โกรธน้อยลง ไม่ซึมเศร้าเหมือนเดิม นอนหลับง่ายขึ้น นอนหลับสนิทขึ้น ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นขึ้น นี่เป็นอาการที่บอกว่าใจเรามีกำลังมากขึ้นแล้ว
เพราะอะไรสมาธิ จึงช่วยแก้ปัญหาได้
สมาธิเหมือนยาวิเศษที่แก้ปัญหาใจสารพัดปัญหาได้ ไม่ว่าจะเป็น เครียด นอนไม่หลับ มีทุกข์ในใจ ซึมเศร้า ท้อแท้ กังวล โกรธ หรืออีกหลายๆปัญหาใจได้อย่างได้ผล ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ปัญหาหลายปัญหาที่เราประสพ ไม่ใช่เราไม่รู้วิธีการแก้ปัญหา บางครั้งเรารู้วิธีการแก้ปัญหาแต่กลับแก้ปัญหาไม่ได้ เช่น หากถามทุกคนว่า รู้มั๊ยว่า เมื่อเราทุกข์ใจ จะทำอย่างไรให้หายทุกข์ หรือ เมื่อเราเครียด จะทำอย่างไรให้หายเครียด หลายๆคนรู้คำตอบอยู่แล้ว และตอบได้ทันทีว่า “ง่ายนิดเดียวคือ แค่หยุดคิด”
แค่หยุดคิดความทุกข์ก็เริ่มจาง แค่หยุดคิดความเครียดก็เริ่มหาย และทุกๆคนก็ไม่อยากทุกข์ไม่อยากเครียด แล้วทำไมเวลาทุกข์เวลาเครียด เราไม่หยุดคิดเราจะได้มีความสุข ก็ตอบได้ง่ายๆแบบกำปั้นทุบดินว่า “ก็มันทำไม่ได้ เราหยุดคิดไม่ได้”
เราหยุดคิดไม่ได้ เพราะใจไม่แข็งแรงพอ
เราหยุดคิดไม่ได้หากใจเราไม่มีกำลัง เมื่อใจเราไม่มีกำลัง เราจะไม่สามารถห้ามตัวเราเองไม่ให้คิดในสิ่งที่ไม่ควรคิดได้ เมื่อใจของเราไม่มีกำลัง เราจะไม่สามารถห้ามใจตัวเราไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำได้ เมื่อใจของเราไม่มีกำลัง เราจะไม่สามารถห้ามใจของเราไม่ให้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดหรือไม่จำเป็นต้องพูดได้ ตรงนี้หากเปรียบเทียบ ก็คงเปรียบได้กับคนแบกกระสอบข้าวสาร ถามว่าเรารู้วิธีที่จะแบกกระสอบข้าวสารหนัก 100 กก.ไหม เราก็ตอบว่า “รู้” แต่ให้เราไปแบกจริงๆทำได้ไหม เราก็ทำไม่ได้ เพราะร่างกายของเราไม่แข็งแรงพอ หรือกายเราไม่มีกำลังมากพอ
ฝึกสมาธิเพื่อให้ใจแข็งแรง เมื่อใจแข็งแรงก็แก้ปัญหาได้
การนั่งสมาธิ การเดินจงรม เป็นวิธีการที่เราใช้ในการฝึกใจ ฝึกใจของเราให้ใจเราค่อยๆมีกำลัง เมื่อใจเรามีกำลัง ก็เปรียบเหมือนใจเราแข็งแรง เราก็จะแก้ปัญหาต่างๆของใจได้โดยง่าย เปรียบเหมือนคนที่ออกำลังกายแล้วแข็งแรงขึ้นพอที่จะยกของหนักๆได้ ซึ่งเดิมก่อนออกกำลังกายแล้วเขาไม่มีกำลังพอที่จะยกได้ การที่ใจของเรามีกำลังจะทำให้เรามีสติ มีความรอบคอบ มีปัญญา หยุดคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิดได้ ปัญหาหลายๆปัญหาจึงสามารถแก้ได้โดยง่าย
Tags: กังวล, ซึมเศร้า, ท้อแท้, ทุกข์, นอนไม่หลับ, นั่งสมาธิ, สมาธิ, เครียด, เดินจงกรม, เศร้า, แก้ปัญหา, โกรธ, ใจมีกำลัง, ใจแข็งแรง
นั่งสมาธิ-เรียนสมาธิ, สุขภาพ กาย&ใจ | lupthawit 18/07/2015 | Comments (0)