เป็นความยินดีอย่างยิ่งครับ ที่พวกเราได้ร่วมต้อนรับอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ ตอนนี้ท่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกครับ คิดแล้วยังเสียดายที่ท่านอยู่ภูเก็ตได้แค่แป๊บเดียว ก็ต้องย้ายไปพิษณุโลกเสียแล้ว
ในโอกาสนี้ ผมจึงอยากที่จะนำเรื่องความประทับใจที่ผมได้ไปร่วมงานเลี้ยงอำลาท่านผู้ว่าฯ ปรีชา เรืองจันทร์ ในวันที่ 14 มีนาคม 2552 กลับมาโพสไว้ให้ท่านที่สนใจอ่านครับ
—-
ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานเลี้ยงอำลาท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ คนดีที่ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก และไม่อยากให้จากไป
ผมได้ทราบข่าวเรื่องผู้ว่าฯ ปรีชา ต้องย้ายด่วน จากพี่รจนา รักแต่งาม นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯภูเก็ต ในวันที่12 มีนาคม 2552 เพื่อประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาวจุฬาฯรับทราบ เนื่องจากท่านผู้ว่าก็เป็นรุ่นพี่นิสิตเก่าจุฬาฯเหมือนกัน และพี่รจนาได้ชวนให้ผมเป็นหนึ่งในตัวแทนที่จะเข้าร่วมงานอำลาผู้ว่าฯ ในวันที่ 14 มีนาคม 2552
จริงๆแล้วผมก็ลังเลครับว่าจะไปดีหรือไม่ เพราะปกติผมก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่ชอบวุ่นวายอะไร เพียงแต่เคยรู้มาอยู่แล้วว่าท่านผู้ว่าฯ ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ เป็นคนดี ติดดิน ทำงานแบบลุย ถึงไหนถึงกัน เอาไงเอากัน ไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่ถือยศศักดิ์ เคยเจอท่าน 2-3 ครั้ง แต่ท่านคงจำผมไม่ได้หรอกครับ แต่ก็รู้สึกได้ถึงคำที่เขาล่ำลือ
และแล้วผมก็รู้สึกว่าผมคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจไปงานเลี้ยงอำลาท่านผู้ว่า ผมยังจำได้ พอใกล้จะเลิกงาน ผมยังหันไปขอบคุณพี่ รจนา รักแต่งาม ที่ชวนผมไปงานวันนั้น แค่ได้ฟังคำกล่าวจากใจท่านผู้ว่าฯ แค่นั้นก็คุ้มแล้ว ท่านกล่าวด้วยคำง่ายๆ แต่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง และยิ่งตอกย้ำถึงความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของชาวภูเก็ตที่ต้องเสียคนดีๆอย่างนี้ไป ท่านเป็นข้าราชการในอุดมคติ หากคนไทยทุกคนงานทุ่มเทเพื่อแผ่นดินได้แค่เศษเสี้ยวของท่าน ไม่เอาเปรียบแผ่นดินที่เป็นถิ่นเกิดนี้ แผ่นดินไทยของเราคงจะเจริญกว่านี้อีกเยอะ
คำขวัญของงานวันเลี้ยงอำลา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต “มุ่งมั่น ตั้งใจ จากไปรุ่งเรือง”
ท่านได้พูดให้ฟังว่า ในชีวิตท่านรับราชการมา 32 ปี โดยย้ายมาแล้ว 27 ครั้ง บางครั้งได้เข้ารับตำแหน่งแค่วันเดียว แล้วโดนย้ายก็มี ไปรายงานตัวตอนเช้า ตอนเย็นเขาก็ให้ย้ายแล้ว แต่ท่านบอกว่า ท่านชินแล้ว ท่านอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะท่านทำงานให้ประเทศไทย อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน เป็นวินิจฉัยของผู้บังคับบัญชา อย่าไปคิดเลยว่า ย้ายเพราะการเมือง ต้องเชื่อคนเป็นนาย นายของท่านก็ต้องรู้ดีว่าท่านควรจะอยู่ที่ไหน ท่านไม่ได้เก่งกว่านาย ถ้าท่านเก่งกว่านาย ท่านก็เป็นนายของเขาไปแล้ว
ท่านบอกว่า ท่านมาอยู่ภูเก็ต ทำงานให้กับชาวภูเก็ต ได้ 4 เดือน กับ 23 วัน ท่านทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีวันหยุด ทำงานตั้งแต่เช้าจนค่ำ อยากทำงานทั้งวัน ไม่อยากให้มืด เพราะถ้ามืด แล้วกลับบ้าน ก็ต้องคิดถึงลูก ท่านต้องทิ้งลูกสาว 2 คน ซึ่งเปรียบเสมือนดวงใจของท่านอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ เพราะต้องเรียนหนังสือ ไม่สามารถย้ายตามมาภูเก็ตได้ เพราะจะมีผลกับคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ท่านต้องเลี้ยงลูกทางโทรศัพท์ คิดถึงลูกก็ได้แต่โทรคุยกัน ทำงาน 4 เดือนกว่า ได้กลับไปเจอหน้าลูกแค่ครั้งเดียว
เวลาท่านแต่งตัวก็แต่งธรรมดาๆ หลายคนก็ว่าท่านแต่งตัวเชยๆ ท่านก็บอกเขาไปว่า ท่านมาทำงาน ไม่ได้มาเดินแฟชั่น ตั้งใจมาทำงานจริงๆ
ผมคงไม่สามารถเล่าความประทับใจทุกอย่างในงานวันนั้นได้หมด คิดแต่เพียงว่า คนดีดีอย่างนี้ อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรัก อยู่ที่ไหนก็สร้างความเจริญให้กับที่นั่นได้ แค่อดเสียดายในฐานะที่เป็นคนภูเก็ตคนหนึ่งครับที่ต้องเสียคนเก่งและดีไป
ผมไม่รู้ว่าการโยกย้ายแบบนี้หรือที่เขาเรียกว่าย้ายเพื่อความเหมาะสม เพื่อกลั่นแกล้ง หรือย้ายเพื่ออะไรกันแน่ รู้แต่ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น บ้านเมืองของเราจะเจริญได้อย่างไร เพราะคนทำงานไม่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ย้อนรถลึกถึงสมัยยังเรียนหนังสืออีกครั้งครับ เพราะได้ไปเรียนการเขียนเว็บไซต์ด้วย Joomla ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต รู้สึกดีครับที่ได้กลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง
แต่เจ้า Joomla นี่ซิ ตอนแรกนึกว่าง่ายๆ แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ที่ไม่ง่ายก็คือ มันมีรายละเอียดที่ให้เราต้องเรียนรู้เยอะมาก เยอะจนเวลา 4 วันที่เรียนแทบไม่พอ แต่ขอยกเครดิตให้กับอาจารย์ผู้สอนครับ คือ อ.จักรอนันต์ คำมะเนิน เป็นอาจารย์เด็กรุ่นใหม่ไฟแรง มีความรู้ความตั้งใจสูง สอนให้พวกเราเข้าใจ Joomla ขึ้นมาก
พื้นฐานความรู้ของคนที่เรียนในห้องก็แตกต่างกันครับ ส่วนมากก็มักจะเป็นคนที่พอรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำเว็บมาบ้างเล็กน้อย แต่ทุกคนก็งงกับเนื้อหาที่เยอะมากที่ต้องเรียนรู้ในเวลาอันจำกัด โชคดีที่ได้อาจารย์ที่ใจเย็น ค่อยๆสอน อธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีกจนพวกเราเข้าใจ
ถ้าใครสนใจเรียนทำเว็บไซต์ด้วย Joomla ที่ภูเก็ต ผมแนะนำ อ.จักรอนันต์ เลยครับ อาจไม่ได้เป็นวิทยากรมืออาชีพ แต่บอกได้คำเดียวครับ “ตั้งใจสุดยอด” ขอขอบคุณ อ.จักรอนันต์ คำมะเนิน
เมื่อวานได้ไปพิธีเปิดอุทยานแห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต ในร้านขายของฝาก”กรทอง” ก็รู้สึกดีครับ ที่เห็นองค์กรเอกชนอีกแห่งให้ความสำคัญกับประวัติความเป็นมาของจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของชาวภูเก็ต นำมาจัดแสดงในร้านขายของฝาก ให้เป็นจุดเรียนรู้สำหรับคนภูเก็ต และผู้มาเยือน
ในร้านมีมุมต่างๆให้ถ่ายรูปได้สวยไม่แพ้สถานที่จริงเลยครับ ของฝากก็มีครบครัน ล้วนเป็นของฝากขึ้นชื่อจากจังหวัดภูเก็ตจริงๆครับ
คืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ได้ร่วมสวดมนต์ข้ามปี ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2554 เพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเองที่ สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขาภูเก็ต
มีความสุข อิ่มบุญ อิ่มใจกันทั่วหน้าครับ
ข่าวดี ตอนนี้สถาบันพลังจิตตานุภาพกำลังรับสมัครนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 28 ครับ เพื่อนๆหลายคนสนใจมาก จึงเป็นโอกาสดีครับที่จะได้เรียนรู้สมาธิแบบลึกซึ้ง โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน
ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองที่เมื่อ 4 เดือนก่อน ตัดสินใจเข้าเรียนสมาธิ เพราะมันทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น โดยอาศัยเพียงแค่ตัวเราเอง อยากให้เพื่อนๆได้รับสิ่งดีๆเช่นกัน
เปิดรับสมัครนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 28
(อัฏฐวีสติโม)
รับสมัคร: ทุกวัน 16.00 – 20.30 น.
ตั้งแต่บัดนี้ – 12 กุมภาพันธ์ 2554
ปฐมนิเทศ: 13 กุมภาพันธ์ 2554
เริ่มเรียน: 14 กุมภาพันธ์ 2554
เวลาเรียน: จันทร์ – ศุกร์ 18.00 – 20.30 น.
ระยะเวลา: 6 เดือน
สมัครเรียน ฟรี ! ไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่
สถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์นำชัย 15
145 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
(อยู่ถัดจาก ธนาคารออมสิน ประมาณ 100 เมตร)
เว็บไซต์ www.SamathiPhuket.com
บางครั้งเราทำอะไรไป โดยที่เราไม่รู้อารมณ์ตัวเองเสียด้วยซ้ำ เรื่องที่ผมโพสด้านล่างได้จากเมล์ที่ได้รับการส่งต่อจากเพื่อนในวันนี้ อ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก จึงอยากแบ่งปันให้ทุกท่านอ่าน
ถามว่า คุณพ่อรู้ไหมว่าลูก กับรถ อันไหนสำคัญกว่า ทุกคนก็ตอบว่า “รู้” แต่ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น ก็เพราะขาดสติไง อย่าว่าแต่เขาเลย บางครั้งเราก็เป็น ผมเชื่อมั่นว่า หากเขาได้เรียนสมาธิ เขาจะมีสติมากขึ้น และเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น
เรื่องเล่ามีดังนี้
ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังขัดล้างรถอย่างขะมักเขม้นลูกชายวัย 4 ขวบ ก้มลงเก็บก้อนหินขึ้นมา แล้วบรรจงขูดขีดไปบนด้านข้างของตัวรถ
พักใหญ่ต่อมา… เมื่อพ่อได้ยินเสียงครูดของหิน ก็เกิดความฉุนเฉียว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขากระชากมือลูกมา ตีลงบนมือน้อย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน โดยไม่ทันนึกว่าตนได้ถืออะไรอยู่ในมือ
ณ โรงพยาบาล.. นิ้วลูกชายถูกตัดออก เพราะกระดูกแตก จนหมอไม่สามารถเชื่อมต่อได้
ขณะที่พ่อเข้ามาดูลูกในห้อง ลูกมองพ่อด้วยสายตาปวดร้าว แล้วถามพ่อว่า ” เมื่อไร นิ้วหนูจึงจะยาวเหมือนเดิม ? “
คำถามนั้น… เหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในหัวใจผู้เป็นพ่อ เขารู้สึกละอายใจ รู้สึกผิด และเสียใจในการกระทำตนอย่างไม่อาจให้อภัย
เขาจึงกลับไปที่รถ เตะมันสุดแรงเกิดโดยไม่ยั้งจนเหนื่อยหอบ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างรถอย่างเศร้าใจ
สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยขูดขีด เขาเบิกตากว้าง ! จ้องมองคำว่า “รักพ่อ” น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อ แล้วไหลอาบแก้ม เขาเอามือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับใจจะขาด
รุ่งขึ้น… ชายคนนั้นได้ฆ่าตัวตาย
อารมณ์โกรธ มีโทษมหันต์
ปัญหาของโลกในทุกวันนี้ คือ
คนบางคน.. รักรถ หวงรถ หรือสิ่งของอื่น ยิ่งกว่ารักและห่วงใยลูก หรือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
จำไว้เสมอว่า สิ่งของมีไว้ให้ใช้ และ คนมีไว้ให้รัก
ผมรู้ดีว่าพ่อคนนี้เขาเสียใจแค่ไหน เพราะผมเองเวลาโมโห ก็เคยตีลูกเพราะความโมโหมากกว่าเหตุผล ถึงแม้ลูกจะผิดจริง แต่หลายครั้งก็ควรจะแก้ปัญหาด้วยการพูดคุย อบรมสั่งสอน มากกว่าการทำโทษ พอรู้ตัวก็ขอโทษลูก และบางครั้งก็กอดลูกร้องไห้ด้วยกัน
หลังจากที่ผมได้เรียนสมาธิที่สถาบันพลังจิตตานุภาพเพียงไม่กี่เดือน ผมก็รู้สึกว่าผมได้รับอะไรๆมากว่าที่คาดว่าจะได้รับ คือ เรามีสติมากขึ้น เวลาจะทำโทษลูกก็รู้ว่าเราต้องการสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี ไม่ใช่เพราะเราโกรธ หรือโมโห
ผมได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับสมาธิ การนั่งสมาธิ และการเรียนสมาธิไว้ที่ http://lupthawit.purethailand.com/category/health/meditation/ ท่านสามารถศึกษาได้ครับหากสนใจ
พ่อในเรื่องข้างต้น ขาดสติอย่างมาก และพลาดถึง 3 ครั้ง
1. ลงโทษลูกอย่างรุนแรง เพราะ ขาดสติ และ โทสะ ในตัวเอง
2. ไปเตะรถ ก็แสดงถึงการขาดสติ ยับยั้งความโกรธในตัวไม่ได้
3. ตัดสินใจผิดที่ไปฆ่าตัวตาย จะทำให้ลูกลำบาก และเป็นทุกข์มากกว่าเดิม
จากเนื้อเรื่อง ผมคิดว่าพ่อในเรื่องคงไม่ได้รักลูกน้อยกว่าพ่อคนไหนๆในโลก ท่านว่าจริงไหมครับ
ร้านอาหารบรรยากาศดี๊ดีที่อยากเอาภาพมาฝาก ลองไปทานแล้วจะประทับใจครับ ไม่ต้องบรรยายมาก แค่ดูภาพก็อยากไปแล้วใช่ไหมครับ
การเดินทาง: ร้านเซรามิค อยู่ทางขวามือระหว่างทางจากอนุสาวรีย์ไปเชิงทะเล ขับจากอนุสาวรีย์ไป 2.6 กม. หรือ อยู่ก่อนถึงม่าหนิกประมาณ 1 กม. ครับ
อยากแนะนำอีกหนึ่งร้านอาหารทะเลใกล้เมืองภูเก็ต ร้าน ไชโย ซีฟู๊ด ครับ
บรรยากาศสบายๆ คนไม่เยอะ อาหารโอเค ราคาไม่แพง ถ้าไม่มีโต๊ะของพวกเราอยู่ ก็คงไม่มีเสียดังครับ เพราะหลังจากพวกเรามา พร้อมเด็กๆที่น่ารักม๊ากมาก ความสงบของร้านก็หมดไปในทันทีครับ