ไม่อยากทำสมาธิ เพราะเสียเวลา

“การทำสมาธิเป็นการเสียเวลา นั่งเฉยๆ เดินไปเดินมา ไม่เห็นได้อะไร จึงไม่อยากทำสมาธิ” ผมคิดว่านี่คงเป็นความคิดในใจของหลายๆคน เพราะการทำสมาธิ การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม เป็นการฝึกจิต สิ่งที่ได้ไม่มีอะไรให้เห็นเป็นตัวเป็นตน จึงดูเหมือนไม่ได้อะไร แต่จริงๆแล้วสิ่งที่ได้อยู่ในใจ คนที่ปฏิบัติจะรู้เอง คนอื่นจะมารู้ด้วยไม่ได้ เหมือนเรารับประทานอาหาร เวลาอร่อย เราอร่อยเอง เวลาอิ่ม เราอิ่มเอง ไม่มีใครมารู้สึกอิ่มหรืออร่อยกับเราได้

หลายคนก็รู้ว่าทำสมาธิดี แต่ยังคงไม่เห็นความสำคัญ คิดว่ายังไม่จำเป็นต้องทำ บางคนก็ลองทำครั้งสองครั้งแล้วคิดว่าไม่เห็นผลก็เลิกทำ จึงทำให้คนทำสมาธิไม่มากเท่าที่ควร คงเหมือนกับการออกกำลังกาย ถ้าเราหวังว่าจะออกกำลังกายสักครั้งหรือสองครั้งเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน เราก็คงทราบอยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ และต่างก็รู้กันว่า การออกกำลังกายนั้นดี หากไม่ออกกำลังกายเราอาจจะต้องป่วยด้วยโรคภัยหลายอย่างในอนาคต แต่เนื่องจากมันยังเป็นเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง และก็คิดว่าตอนนี้เราเองยังแข็งแรงอยู่ เราจึงยังไม่ออกกำลังกาย

การทำสมาธินั้นทำให้เราได้พักใจ ให้ความสงบ ได้การพักผ่อน ให้สติ ให้ปัญญา ช่วยให้มีเมตตา มีความรับผิดชอบ สิ่งดีๆที่เกิดจากสมาธิมีมากมาย แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าจะได้จากการทำสมาธิเพียงครั้งเดียว ต้องค่อยๆทำ ค่อยๆได้ เหมือนการออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหาร จะให้กินข้าวครั้งหนึ่งหลายๆหม้อแล้วจะให้เด็กโตเร็วๆก็คงเป็นไปไม่ได้

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนตัดไม้ คนตัดไม้หากไปตัดวันแรกจะตัดได้ 100 ต้น พอไปตัดวันที่ 2 จะตัดได้เหลือ 90 ต้น พอไปตัดวันที่ 3 จะตัดได้เหลือ 80 ต้น จะลดลงไปเรื่อยๆ เพราะอะไร ก็เพราะว่าความคมของขวานลดลงเรื่อยๆ หากไม่รู้จักหยุดตัดไม้เพื่อลับขวาน เราก็จะต้องทำงานหนักขึ้นหนักขึ้นเพื่อให้ได้งานเท่าเดิม จิตใจของเราก็เป็นเช่นเดียวกัน หากไม่รู้จักพัก ความสามารถของใจเราก็จะลดลง ความสามารถของใจที่ลดลงก็หมายถึง เราอาจจะเครียดง่ายขึ้น เศร้าง่าย โกรธง่าย หายช้า นอนไม่หลับ อย่างนี้เป็นต้น การนั่งสมาธิ เดินจงกรม จริงๆแล้วมิได้ทำให้เสียเวลา แต่อาจจะทำให้เราใช้เวลาที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนเราลับขวานของเรา

 

No Comments

No comments yet.

RSS feed for comments on this post. TrackBack URI

Leave a comment

*

WordPress Themes