Posts tagged: ทัศนคติบวก

Life is Simple

วันหนึ่งในขณะที่ผมยังอ่อนต่อโลกนัก ผมได้มีโอกาสคุยกับลูกค้าวัยเกือบ 90 ปี ในตอนนี้น ชายแก่ผู้ดีอังกฤษ ตัวเล็ก ผิวเหี่ยว แต่ยังแข็งแรงมาก เดินทางไปภูเก็ตเพียงคนเดียว และเช่ารถขับเองทุกปี ทุกครั้งที่ว่าง คุณลุงก็มักจะมานั่งสนทนากับคุณพ่อและผมที่สำนักงาน

วันหนึ่ง วันที่ชีวิตผมนั้นวุ่นวายเสียเหลือเกิน และยังมองไม่เห็นเลยว่าเมื่อไหร่ความวุ่นวายนั้นจะหมดไปจากชีวิต

ผมพูดกับคุณลุงว่า “Life is complicate. And will be more and more complicate…”
(“การดำเนินชีวิตช่างยาก และซับซ้อน และจะยิ่งซับซ้อมและวุ่นวายมากขึ้นในอนาคต”)

ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะลองคิดดูซิครับ ตอนนี้เราต้องเรียนมากขึ้น ทำงานมากขึ้น ยากขึ้น หนักขึ้น ทุกวันๆ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราดีเหมือนเดิม

คุณลุงท่านได้กรุณาสอนผม “Life is simple, but you make it complicate”
(“ชีวิตนั้นเรียบง่าย แต่เราเองต่างหากที่ทำให้มันยุ่งยาก”)

ผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกขอบคุณท่านมาก ที่ท่านได้เตือนสติเรา และตอนนี้ผมก็คิดอย่างที่ท่านสอน.. ชีวิตนั้นเรียบง่าย แต่ไม่ง่าย (ในบางครั้ง)

ปัญหา ปัญหา ปัญหา มีแต่ปัญหา แล้วจะทำอย่างไร

ในรอบปีที่ผ่านมาผมประสบกับปัญหามากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นรอบปีที่ผมคิดว่า ผมเจอสิ่งที่มากระทบใจมากที่สุดปีหนึ่งตั้งแต่เกิดมา แต่ผมก็รู้สึกดีใจ และภูมิใจในตัวเองที่สามารถผ่านสิ่งที่เลวร้ายมาได้ ถึงแม้ว่าจนกระทั่งปัจจุบัน ผมยังไม่สามารถแก้ปัญหาบางข้อได้ แต่อย่างน้อย ผมก็สามารถผ่านปัญหา และใช้ชีวิตตลอด 1 ปีที่ผ่านมาได้อย่างมีความสุข

ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ผ่านมาให้กับเพื่อนๆ ผมไม่ได้หวังว่าทุกท่านจะได้อ่านมัน เพียงแค่คนสักคนที่มีปัญหา และวิธีหรือแนวคิดที่ผมใช้มีประโยชน์สำหรับเขา ผมก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วที่ผมเขียน

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมผ่านปัญหามาได้ ก็เพราะผมได้มีเจอธรรมะ เรียกได้ว่ามาแบบถูกเวลาจริงๆ ผมจะค่อยๆอธิบายเป็นข้อๆให้เข้าใจง่ายนะครับ

* ทำงานกับใจ

“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” เป็นคำพูดที่คงไม่มีใครปฏิเสธได้ เมื่อมีปัญหาเข้ามาในชีวิต อาจทำให้หลายคนเซไปเลย ถ้าเราไม่มีหลักคิด สำหรับผมเอง ผมต้องหาเป้าหมายก่อน ไม่ต้องคิดถึงร้อยพันปัญหาที่ทำให้เราล้ม แต่หาเหตุผมสักข้อว่าทำไมเราต้องลุก

การศึกษาธรรมะช่วยผมได้มากในข้อนี้ เพราะทำให้ผมนิ่งขึ้น รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่จะมากระทบใจเราได้ เมื่อเรารู้ว่ามันคือสิ่งที่มากระทบใจ และเราไม่รับมันไว้ มันก็ทำอะไรเราไม่ได้ มนุษย์ธรรมดาอย่างเรา แม้ไม่สามารถลดสิ่งกระทบใจได้ทุกเรื่อง แค่ลดได้บ้าง ก็ยังดีกว่าลดไม่ได้เลย

* กัลยาณมิตร

กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งเวลาเราเจอปัญหาที่รุนแรง ที่เราไม่คาดถึง เกินกว่าที่ใจเราจะรับไหว (เหมือนปกติ เราสร้างบ้านริมหาด เราก็คิดเฉพาะป้องกันปัญหาคลื่นลม แต่วันดีคืนดี สึนามิด้นพัดมาโดนบ้านเราซะงั้น) กัลยาณมิตรจึงเป็นสิ่งสำคัญ กัลยาณมิตรเป็นได้ทั้งเพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง คู่สมรส ลูกของเรา ทุกคนเป็นกัลยาณมิตรที่ดีได้ ถึงแม้ว่าเขาอาจช่วยอะไรเราไม่ได้เลยก็ตาม แต่สิ่งที่เขาให้ได้คือ กำลังใจ ซึ่งสำคัญยิ่งเหนืออื่นใด

ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับกำลังใจอย่างมหาศาลจากลูกชายวัย 6 ขวบ ลูกชายเพิ่งจะนับเลขเป็น และรู้จักเงินมาไม่นาน
อยู่ดีๆลูกก็ถามว่า “พ่อมีหนี้เท่าไหร่”
ผมก็บอกว่า “หลายล้านบาทเลยลูก”
ลูกคิดนิดหนึ่งแล้วก็บอกว่า “ผมมีเงินไม่ถึงล้าน มีแค่พันกว่าบาท ถ้าพ่อจะเอาไปใช้ก่อนก็ได้นะ”

แค่นี้เองกำลังใจของเราก็เอ่อท้นท่วมขึ้นมาถึงคอแล้ว และผมยังเจอคนอีกหลายคนที่ประสบปัญหาอย่างหนักในชีวิต แล้วต่อสู้ทนเหนื่อยมาได้เพราะกำลังใจจากลูก

แม้คนที่ตายไปแล้วก็ยังให้กำลังใจเราได้ ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน จึงทำให้เราต้องอดทน คุณยายขายขนมเลี้ยงครอบครัว ได้กำไรเป็นเศษสตางค์ แต่สามารถกู้สถานการณ์ของครอบครัวเราให้ลืมตาอ้าปากได้ แม้ท่านจะตายไปแล้ว แต่ท่านก็ไม่เคยตายไปจากใจผม หลายครั้งที่ผมหมดกำลังใจ ผมก็ได้คุณยายนี่แหละครับ เป็นตัวอย่างในการสู้ชีวิต และเป็นกำลังใจเสมอมา

* ทัศนคติบวก หรือ คิดบวก

ทัศนคติบวก หรือ การคิดบวก อาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา แต่เป็นทิศทางในการแก้ปัญหา มันจะทำให้เราแก้ปัญหาถูกทางและมีความสุข ผมเคยช่วยพี่สาวท่านหนึ่งแก้ปัญหา และเขียนเรื่องนี้ไว้ที่ คิดบวก ชีวิตมีความสุข ผมคิดว่าคงเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทุกท่าน จริงๆครับ บางครั้งแค่เปลี่ยนความคิดนิดเดียว เราก็มีความสุขแล้ว คือคิดให้เป็น คิดให้ถูกทาง

* มุมมองต่อปัญหา

น่าแปลกครับ บางครั้งแค่เราขยับไปยืนคนละมุม หรือต่างองศาเพียงเล็กน้อย เราก็แก้ปัญหาได้แล้ว

ผมมีตัวอย่างหนี่งอยากแบ่งปันกับทุกท่าน มีร้านขายจานดาวเทียมอยู่ร้านหนึ่ง พอติดตั้งจานดาวเทียวให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว มักจะมีปัญหาว่าภาพไม่ชัด พนักงานติดตั้งก็ไม่ค่อยอยากไปบริการลูกค้าหลายครั้ง ทำให้เจ้าของร้านหนักใจ เขาแค่เปลี่ยนมุมมองการคิดว่า ตอนนี้บริษัทของเราไม่ได้ “ขายจานดาวเทียม” แต่ขาย “ทีวีรับชัด” เมื่อมุมมองต่อปัญาเปลี่ยนไป วิธีแก้ปัญาหก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนขายจานดาวเทียม เมื่อติดตั้งเสร็จ ความรู้สึกของพนักงานคือ ได้ส่งมอบสินค้าแล้ว แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นขายทีวีรับชัด พนักงานก็ทำทุกวิถีทางให้ทีวีรับสัญญาณได้ชัด ลูกค้าก็พอใจ

* Divide & Conquer

อันนี้ขอใช้ภาษาอังกฤษนะครับ เพราะเป็นเทคนิคที่ผมได้มาตอนเรียนวิศวะ จุฬาฯ ในทางวิศวกรรม หลายครั้ง ปัญหามันใหญ่เกินกว่าจะคิดและแก้ไขได้ง่ายๆ เทคนิค Divide & Conquer คือ การที่เราแบ่งปัญหาใหญ่ๆ เป็นปัญหาย่อยๆเล็กๆ แล้วค่อยๆแก้ไขปัญหาย่อยๆเล็กๆทีละปัญหา เราก็จะสามารถแก้ปัญหาใหญ่ได้ในที่สุด

ยกตัวอย่างเช่น การที่ Mr. Steve Jobs คิดผลิต Ipod มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยในเวลานั้น (ไม่งั้นบริษัทอื่นก็คงคิดประดิษฐ์ออกมาแล้ว) สิ่งที่ทำให้มันเป็นไปไม่ได้คือ การย่อให้คอมพิวเตอร์เล็กลงนั้นเป็นสิ่งที่เป็นเรื่องยาก และยังติดปัญหาเรื่องการระบายความร้อนด้วย (ลองคิดดู เมื่อก่อน เครื่องคอมพิวเตอร์ใหญ่ๆ มีระบบระบายความร้อนดีๆ ยังต้องอยู่ในห้องแอร์เลย ไม่งั้นมันจะร้อนจนทำงานไม่ได้) วิศวกรของ Mr. Steve Jobs ก็บอกว่าไม่น่าจะทำได้

แต่ Mr. Steve Jobs กลับบอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องปัญหาความร้อน ให้คุณคิดแค่ทำอย่างไรจึงจะทำให้คอมพิวเตอร์เล็กลง (เหลือเท่า Ipod) ส่วนเรื่องความร้อนผมจะให้อีกทีมหนึ่งหาวิธีแก้ไขเอง พอเขาแบ่งปัญหาใหญ่เป็น 2 ปัญหาย่อย เขาก็แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น

* ข้อจำกัด หรือ อุปสรรค

ต้องยอมรับจริงๆครับว่าบางปัญหาเราแก้ไม่ได้จริงๆ เพราะมันติดข้อจำกัดบางอย่างของตัวเราเอง ของสังคม ของเทคโนโลยี แต่เราต้องแยกให้ออกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นข้อจำกัดจริงๆ หรือเป็นอุปสรรคกันแน่ ถ้าเป็นอุปสรรคที่มันแก้ยากจนเราคิดว่าเป็นข้อจำกัดแล้ว โดยมากเราจะคิดเองไม่ออก ถ้าเราไม่มายืนในจุดที่แตกต่าง หรือ มีคนนอกมาช่วยดูและแก้อุปสรรคนั้น เพราะฉะนั้นทางที่ง่ายคือ หยุดพัก แล้วค่อยๆพิจารณา หรือหาที่ปรึกษา

ส่วนข้อจำกัดที่เป็นข้อจำกัดจริงๆ ให้พึงระลึกว่า ข้อจำกัดในวันนี้ อาจมีอะไรที่มาแก้ไขได้ในวันข้างหน้า มันอาจไม่ใช่ข้อจำกัดตลอดไป เช่น ผมเคยดูหนัง Avatar และเคยได้ยินว่า ผู้สร้างเขาเขียนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีในตอนนั้น จึงไม่สามารถทำให้สร้างสรรฝันของเขาให้เป็นจริงได้ ปัจจุบันเทคโนโลยีดีขึ้น เขาจึงสร้างฝันให้เป็นจริงได้

* อย่าตอกย้ำปัญหา

บางเครั้งปัญหา หรือความไม่เข้าใจกันนิดเดียวก็ทำให้ปัญหาเล็กๆเป็นปัญหาใหญ่ได้ เปรียบเหมือนเราเป็นแผลเพราะมีเข็มมาทิ่ม เราก็เป็นแผลเล็กน้อย แต่ถ้าเรายังเอาเข็มทิ่มตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก แผลนั้นไม่มีวันหายแน่ ซ้ำร้ายยังอาจทำให้เราแย่กว่าเดิม

บางครั้งเป็นเพียงเพราะทิฏฐิในใจของเรา ทำให้เราผูก ไม่ปล่อยวาง ก็ทำให้เราเจ็บ ปัญหาจึงยังคงอยู่ในใจเรา ข้อนี้ธรรมะก็ช่วยเราได้มาก คิดไว้ว่า ถ้าแก้ใครไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเองก่อน

WordPress Themes