Posts tagged: นั่งสมาธิ

ไม่อยากทำสมาธิ เพราะเสียเวลา

“การทำสมาธิเป็นการเสียเวลา นั่งเฉยๆ เดินไปเดินมา ไม่เห็นได้อะไร จึงไม่อยากทำสมาธิ” ผมคิดว่านี่คงเป็นความคิดในใจของหลายๆคน เพราะการทำสมาธิ การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม เป็นการฝึกจิต สิ่งที่ได้ไม่มีอะไรให้เห็นเป็นตัวเป็นตน จึงดูเหมือนไม่ได้อะไร แต่จริงๆแล้วสิ่งที่ได้อยู่ในใจ คนที่ปฏิบัติจะรู้เอง คนอื่นจะมารู้ด้วยไม่ได้ เหมือนเรารับประทานอาหาร เวลาอร่อย เราอร่อยเอง เวลาอิ่ม เราอิ่มเอง ไม่มีใครมารู้สึกอิ่มหรืออร่อยกับเราได้

หลายคนก็รู้ว่าทำสมาธิดี แต่ยังคงไม่เห็นความสำคัญ คิดว่ายังไม่จำเป็นต้องทำ บางคนก็ลองทำครั้งสองครั้งแล้วคิดว่าไม่เห็นผลก็เลิกทำ จึงทำให้คนทำสมาธิไม่มากเท่าที่ควร คงเหมือนกับการออกกำลังกาย ถ้าเราหวังว่าจะออกกำลังกายสักครั้งหรือสองครั้งเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน เราก็คงทราบอยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ และต่างก็รู้กันว่า การออกกำลังกายนั้นดี หากไม่ออกกำลังกายเราอาจจะต้องป่วยด้วยโรคภัยหลายอย่างในอนาคต แต่เนื่องจากมันยังเป็นเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง และก็คิดว่าตอนนี้เราเองยังแข็งแรงอยู่ เราจึงยังไม่ออกกำลังกาย

การทำสมาธินั้นทำให้เราได้พักใจ ให้ความสงบ ได้การพักผ่อน ให้สติ ให้ปัญญา ช่วยให้มีเมตตา มีความรับผิดชอบ สิ่งดีๆที่เกิดจากสมาธิมีมากมาย แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าจะได้จากการทำสมาธิเพียงครั้งเดียว ต้องค่อยๆทำ ค่อยๆได้ เหมือนการออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหาร จะให้กินข้าวครั้งหนึ่งหลายๆหม้อแล้วจะให้เด็กโตเร็วๆก็คงเป็นไปไม่ได้

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนตัดไม้ คนตัดไม้หากไปตัดวันแรกจะตัดได้ 100 ต้น พอไปตัดวันที่ 2 จะตัดได้เหลือ 90 ต้น พอไปตัดวันที่ 3 จะตัดได้เหลือ 80 ต้น จะลดลงไปเรื่อยๆ เพราะอะไร ก็เพราะว่าความคมของขวานลดลงเรื่อยๆ หากไม่รู้จักหยุดตัดไม้เพื่อลับขวาน เราก็จะต้องทำงานหนักขึ้นหนักขึ้นเพื่อให้ได้งานเท่าเดิม จิตใจของเราก็เป็นเช่นเดียวกัน หากไม่รู้จักพัก ความสามารถของใจเราก็จะลดลง ความสามารถของใจที่ลดลงก็หมายถึง เราอาจจะเครียดง่ายขึ้น เศร้าง่าย โกรธง่าย หายช้า นอนไม่หลับ อย่างนี้เป็นต้น การนั่งสมาธิ เดินจงกรม จริงๆแล้วมิได้ทำให้เสียเวลา แต่อาจจะทำให้เราใช้เวลาที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนเราลับขวานของเรา

 

ร่วมปฎิบัติธรรม ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย

ขอเชิญเพื่อนๆที่สนใจ ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน…

ชมรมผู้ปฎิบัติธรรม ตามรอยพุทธองค์

 โดยสายการบิน  Jetairway

เดินทางวันอังคารที่ 1 – วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม 2555

ขอเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านตามรอยบาท

พระศาสดาปฏิบัติบูชาถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 ณ สถานที่ตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์

“ ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี

แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ”

พุทธชยันตี  หมายถึง  ชัยชนะของพระพุทธเจ้าที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวงอย่างสิ้นเชิงเพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ในวันวิสาขบูชาเมื่อ 2,600 ปีล่วงแล้ว

ไหว้พระ   สวดมนต์  นั่งสมาธิ  ปฎิบัติธรรม   ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์

“ บูชาสถานที่ตรัสรู้  :  ได้ปัญญา  ความรู้แจ้ง  ได้รับชัยชนะที่ไม่กลับไปแพ้  ”

รายละเอียดการเดินทาง

วันที่หนึ่ง       วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม  2555                            กรุงเทพฯ – โกลกาต้า – คยา

17.30 น.       พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 7 ขาออก สายการบิน Jetairway  ชมรมฯ มีอาหารว่างจัดไว้บริการทุกท่าน  และรับประทานอาหารค่ำบนเครื่องบิน
20.20 น.       เครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ นำทุกท่านสู่สถานที่ตรัสรู้  พุทธคยา ประเทศอินเดีย  โดยสายการบิน Jetairway  ประตู 7  ผู้โดยสารขาออก Read more »

เรียนสมาธิ นั่งสมาธิ ฟรี – สถาบันพลังจิตตานุภาพ

ข่าวดี !! สถาบันพลังจิตตานุภาพกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 30
เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด
สอนการปฏิบัติตามแนวทางของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
จัดตั้งหลักสูตรโดย พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินธโร)

การเรียน
* ปฐมนิเทศน์: 12 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 13.00 น.
* เริ่มเรียน: 13 กุมภาพันธ์ 2555 (ภาคปกติ) และ  18 กุมภาพันธ์ 2555 (ภาคพิเศษ)
* วัน และ เวลาเรียน:
– ภาคปกติ: วันจันทร์ – วันศุกร์  เวลา 18.00 – 20.30 น.
– ภาคพิเศษ: วันเสาร์ – อาทิตย์  เวลา 09.00 – 17.00 น.
* ระยะเวลาเรียน: 6 เดือน

การรับสมัคร
* วัน: ทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้ – 12 กุมภาพันธ์ 2555
* เวลา: 16.00 – 20.30 น.
* สถานที่: สถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์นำชัย 15
145 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
(อยู่ถัดจาก ธนาคารออมสิน ประมาณ 100 เมตร)

คุณสมบัติของผู้สมัคร
* บุคคลทั่วไป / นักเรียน / นักศึกษา
* อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
* มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ชั้น ม.3 ขึ้นไป
* สุขภาพดี แข็งแรง
* มีความอดทน ตั้งใจ และศรัทธา
* ไม่เป็นผู้มีสติฟั่นเฟือน
* ปฏิบัติตามกฎของสถาบันโดยเคร่งครัด
หลักฐานการสมัคร
* รูปถ่ายขนาด 1” จำนวน 2 รูป
* สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ฉบับ
* สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
* 081 272 0062, 083 594 1325

นั่งสมาธิ ทำไมยากจัง

คงเป็นธรรมดาของการที่เราไม่เคยทำอะไรบางอย่าง และลองทำเป็นครั้งแรก ก็จะรู้สึกขัดๆ หรือยาก เป็นเรื่องธรรมดา การเรียนสมาธิ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่ดูเหมือนไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายสำรับคนธรรมดาอย่างเราที่มีชีวิตอันวุ่นวายอยู่ในสังคมและการทำงาน

หลายๆท่านคงมีปัญหาเหมือนๆกันเวลาหัดนั่งสมาธิใหม่ๆคือ เราก็ได้แต่นั่งขัดสมาธิ เอามือขวาหงายทับมือซ้าย ท่องพุทโธได้แค่คำสองคำ ใจของเราก็ไม่ได้อยู่ที่พุทโธแล้ว เตลิดไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ อันนี้อยากให้ท่านเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของจิต (หรือใจ) ของเราเอง ไม่ได้แปลกอะไร

ใจของเรา มันก็มีคุณสมบัติของมัน เช่น ดิ้นรน กวัดแกว่ง ห้ามยาก รักษายาก เที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียว เป็นต้น แค่ท่านรู้คุณสมบัติเบื้องต้นของใจแค่นี้ท่านก็รู้แล้วใช่ไหมครับว่าใจเราเหมือนลิง แต่ไวยิ่งกว่า แค่เราจับลิงมาให้อยู่นิ่งๆก็ยากแล้ว จับใจให้อยู่นิ่งก็ยากยิ่งกว่า

แล้วจะทำอย่างไรให้ใจอยู่นิ่ง

ลิงอยู่นิ่งได้ก็ต้องฝึก ใจเราจะนิ่งจะสงบได้ก็ต้องฝึกเช่นกัน การที่เราทำงาน มีกิจกรรมมาทั้งวัน แล้วมานั่งสมาธิให้จิตใจสงบ บางครั้งมันเป็นการยากจริงๆ เหมือนน้ำที่ไหลเชี่ยวมา แล้วเราเอาอะไรไปขวางให้หยุดนิ่ง มันก็เอาไม่อยู่ ถูกแรงน้ำพัดไปหมด วิธีหนึ่งที่จะช่วยได้คือ การเดินจงกรม ก่อนนั่งสมาธิ การเดินจงกรมจะช่วยกรองอารมณ์ ช่วยลดระดับอารมณ์ที่วุ่นวายมาทั้งวัน เหมือนช่วยชะลอกระแสน้ำที่เชี่ยว

ผมเจอคนที่เคยลองทำสมาธิหลายท่าน ที่บางครั้งจิตใจไม่ค่อยนิ่งเวลานั่งสมาธิ เมื่อได้เดินจงกรมก่อน การนั่งสมาธิก็จะได้ผลดี ใจสงบขึ้นมาก บางคนที่มาเรียนที่สถาบันพลังจิตตานุภาพครั้งแรกๆ ก็แปลกใจที่ทำไมตัวเองรู้สึกสงบมากกว่าปกติ ก็เพราะเราเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิ

แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาทีก็ยากแล้ว

สำหรับคนเริ่มใหม่ (หรือแม้กระทั่งคนเก่า) แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาที ไม่ให้วอกแวกไปเรื่องอื่นเลย แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อันนี้ไม่ต้องตกใจครับเพราะเป็นกันทุกคน เราก็ต้องค่อยๆหัดตะล่อมใจตัวเองให้มาอยู่กับพุทโธ ฝึกให้ใจมาอยู่ที่จุดๆเดียวด้วยการนึกพุทโธ

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้กรุณาแนะนำว่า ให้สมมุติ “พุทโธ” เหมือนกับกระสุนปืน เมื่อมีอารมณ์หรือมีความคิดเข้ามา ให้เรานึกพุทโธเพื่อทำลายอารมณ์หรือความคิดเหล่านั้น เหมือนกับการที่เราเอากระสุนยิงศัตรู ยิ่งถ้ามีอารมณ์หรือความคิดเข้ามามาก ก็ให้เรานึกพุทโธถี่ขึ้น (ท่องพุทโธถี่ๆ) เหมือนกับเวลามีศัตรูเข้ามามาก ยิงกระสุนทีละนัดคงไม่ทัน ก็ต้องใช้การยิงปืนกลเพื่อฆ่าศัตรู (การนึกพุทโธ ไม่จำเป็นต้องตามจังหวะลมหายใจ)

ในบางครั้ง หากเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องคิด เราอาจจะคิดให้เสร็จขณะเดินจงกรมก็ได้ คิดเสร็จแล้วค่อยนึกพุทโธใหม่ก็ได้เช่นกัน การคิดในขณะที่เดินจงกรม ขณะที่ใจเราสงบ มีสมาธิ บางครั้งก็ทำให้เราได้ความคิดอะไรดีๆเหมือนกัน

สิ่งที่ยากกว่าคือการทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง

อย่างที่รู้กันแล้วว่า แค่นึกพุทโธในใจ 5 นาทีก็ยากแล้ว แต่ทำอย่างไรที่เราจะฝึกนั่งสมาธิได้ทุกวัน อันนี้ยากกว่า แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ได้ ถ้าให้ผมเปรียบเทียบ ก็เหมือนกับเวลาเราต้มน้ำ เรายกกาต้มน้ำบนเตาไฟ ตั้งแค่ 2 นาทีแล้วยกออก รอไปอีก 2 ชั่วโมง แล้วก็เอากาไปตั้งบนเตาอีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปกี่เดือนกี่ปี น้ำไม่มีวันเดือดแน่นอน การทำสมาธิก็เช่นกัน ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ผลที่ได้ก็จะไม่เต็มที่

ใจของเรา มักจะสกปรกได้ง่าย สกปรกจากอารมณ์ต่างๆ ทั้งทำให้สุขและทุกข์ ในชีวิตประจำวันของเรา เจอกับอารมณ์ต่างๆเข้าสู่ใจตลอดเวลา ถ้าเราไม่หมั่นทำความสะอาด ใจของเราก็จะค่อยๆขุ่นมัว เพราะฉะนั้นเราควรจะปฏิบัติสมาธิอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำความสะอาดใจของเรา แค่ครั้งละ 5 นาทีก็ได้ ทำวันละ 3 ครั้งเหมือนทานข้าว 3 มื้อ

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้สอนพวกเราว่า “การทำสมาธิ เวลาขยันก็ทำ เวลาขี้เกียจก็ต้องทำ” ผมก็ปฏิบัติตามนั้น หมายความว่า เวลาขี้เกียจ เราได้ทำน้อยดีกว่าไม่ได้ทำเลย แต่ทำให้เป็นนิสัย ในปัจจุบัน ผมสามารถตื่นตอนตีห้าครึ่ง นั่งสมาธิ เดินจงกรม อย่างละ 30 นาทีแทบทุกวัน จริงๆแล้วทำทุกวันครับ แต่วันที่นอนดึก ตื่นไม่ไหว อาจทำน้อยกว่า 30 นาที เพื่อทำให้ติดเป็นนิสัย

ทำสมาธิแล้ว เหมือนไม่ได้อะไร

เป็นความรู้สึกปกติครับ เพราะการเรียนสมาธิ เป็นการทำงานกับใจ เป็นเรื่องของนามธรรม มันวัดกันยาก จะมีใครมาวัดให้เราก็ไม่ได้ เหมือนกับเรารับประทานอาหารแล้วอร่อยหรืออิ่ม ไม่มีใครมาบอกได้ว่าเราอร่อยหรืออื่ม ตัวเราจะรู้ตัวเราเองไม่มีใครบอก

พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ท่านได้เปรียบเทียบเหมือนเราเรียนหนังสือแล้วได้ความรู้ ลองนึกดูซิครับเราเรียนหนังสือแล้วเราได้ความรู้เมื่อไหร่ ลองคิดถึงเด็กๆที่อ่านไม่ออก แล้วหัดอ่าน ก ข ค .. เขาได้ความรู้เมื่อไหร่ บางทีเราตอบไม่ได้ แต่รู้อีกทีตอนสิ้นเทอม หรือสิ้นปีว่าเขามีความรู้เพิ่มขึ้นแล้ว เขาอ่านออกเขียนได้แล้ว การเรียนสมาธิก็เช่นเดียวกัน ตัวเราเองจะค่อยๆพัฒนาทีละเล็กทีละน้อย จนเวลาผ่านไป 2-3 เดือน เราจะสังเกตเห็นว่าเราเริ่มเปลี่ยนไป

รู้ได้อย่างไรว่าที่ทำสมาธิมาได้ผล

ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาครูสมาธิ อาจารย์ก็ถามพวกาเราอย่างนี้ในห้องเรียน หลังจากที่เราเรียนสมาธิไปได้ประมาณ 3 เดือน พวกเราก็ตอบกันไม่ค่อยถูกเหมือนกัน แต่พออาจารย์ตั้งคำถามใหม่ “ใครรู้สึกว่าตัวเองโกรธน้อยลง โกรธยาก หายเร็ว ซึาเศร้าน้อยลง นอนหลับสบายขึ้น หลับลึก ง่วงนอนน้อยลง ใจสบายขึ้น” พวกเราทุกคนเห็นด้วยว่าพวกเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นี่แหละครับการวัดผลขั้นต้น และเป็นผลที่ได้จากการเรียนสมาธิ

ถึงตอนนี้แล้ว ถ้าท่านทำความเข้าใจ และเริ่มคุ้นเคยกับการทำสมาธิ ก็จะเริ่มรู้ว่าการทำสมาธินั้นไม่ยาก จริงๆแล้วนอกจากปัญหากับใจข้างต้นแล้ว การเริ่มทำสมาธิใหม่ๆยังมีปัญหากับกาย เช่น นั่งนานแล้วปวดเมื่อย แรกๆอาจต้องอาศัยความอดทน ต่อจากนั้นก็จะเริ่มชิน สำหรับท่านที่นั่งขัดสมาธิไม่ได้ นั่งเก้าอี้แทนก็ได้ครับ การทำสมาธิเรื่องใหญ่คือการทำงานกับใจ ถ้าเราทำงานกับใจเป็น เรื่องกายนั้นไม่ใช่ปัญหา

 ท่านสามารถศึกษาวิธีปฏิบัติของสถาบันพลังจิตตานุภาพโดยคลิก การเดินจงกรม และ  การนั่งสมาธิ   ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามวิธีการของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ไปเรียน “สมาธิ” กันเถอะ

ถึงวันนี้ก็เป็นเวลาประมาณ 1 ปี ที่ผมได้เรียนสมาธิ ฝึกการนั่งสมาธิ เดินจงกรมอย่างเป็นระบบ การเรียนที่เริ่มต้นเพียงแค่อยากรู้ ผมเข้าสมัครเรียนสมาธิกับ สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขาภูเก็ต ด้วยเหตุผมส่วนตัว 2-3 ข้อ

1. อยากรู้ – ผมคิดว่าการเรียนสมาธิก็เหมือนไปลงทะเบียนเรียนวิชาหนึ่งเพราะแค่อยากรู้ เมื่อได้เรียนแล้ว ก็ได้รู้ว่ามันเป็นเคล็ดวิชาการบริหารคือเป็นวิชาบริหารใจ ผมเป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้อยู่แล้ว แต่ขี้เกียจ ไม่ค่อยชอบอ่าน เลยอาศัยไปเข้าอบรมตามที่ต่างๆ เพราะผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า “การที่เราจะแก้ปัญหาอะไรได้ เราต้องมีความรู้ใหญ่กว่าปัญหานั้น”

2. สงสัย – ผมเคยคิดในใจว่า คนเราเวลาอายุมากขึ้น หลายคนก็หันเข้าวัดเข้าวา ศึกษาธรรมะมากขึ้น ถ้ามันดี ถ้าวันหนึ่งเวลาอายุมากเราต้องมาศึกษา ทำไมเราไม่ศึกษาวันนี้ซะเลย ถ้ามันดีเราก็ได้รู้ก่อนคนอื่น และไม่เสียเวลาของตัวเอง

หลังจากที่ได้เรียน หลายคนก็สงสัย “เธอมีความทุกข์ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า จึงไปเรียนสมาธิ” จริงๆแล้วผมไม่ได้มีความทุกข์อะไรครับ และได้อ่านหนังสือหลายเล่มที่คนเขียนเจอวิกฤตชีวิต แล้วจึงเข้าหาธรรมะ หลายคนโชคดี หลุดพ้นปัญหามาได้ แต่หลายคนไม่ได้โชคดีเช่นนั้น ผมอยากให้ข้อคิดอันหนึ่ง “เวลาที่เราจะจมน้ำ ไม่ใช่เวลาที่จะมาหัดว่ายน้ำ”  ในวันที่เรามีปัญหาจริงๆ วันนั้นใจของเราอาจจะมืดมนจนหาทางออกไม่ได้ก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้น เราควรมาเริ่มทำใจของเราให้แข็งแรง และสดใสดีกว่า

ผมอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆรับรู้ถึงประสบการณ์ในการเรียนสมาธิ ที่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นมาก และในเมื่อการเรียนสมาธิทำให้ผมดีขึ้น ก็น่าจะทำให้เพื่อนๆที่เรียนทุกคนดีขึ้นได้เช่นกัน สิ่งที่ผมได้จากการเรียนสมาธิ เช่น

การบริหาใจ การเรียนสมาธิทำให้เรามีสติมากขึ้น สตินั้นทำให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น พอเราเข้าใจทั้งตัวเองและผู้อื่น ชีวิตเราก็มีความสุขมากขึ้น

สุขภาพกายและใจดีขึ้น หลังจากที่ผมเรียนสมาธิได้ระยะหนึ่ง ผมก็ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ทุกวัน ทำให้ผมได้ทั้งออกกำลังกาย และการพักผ่อนไปในตัว จึงทำให้ผมมีสุขภาพกายและใจดีขึ้น

อารมณ์ดีขึ้น คนที่เคยเป็นเสือยิ้มยากอย่างผม รู้สึกตัวเองว่ามีความสุขมากขึ้นอย่างชัดเจน เรารู้สึกตัวเองว่าเรายิ้มง่ายขึ้นจากเดิมมาก

มีสติมากขึ้น ข้อนี้ผมคิดว่าสำคัญมาก คนหลายๆคนพลาดพลั้งในชีวิต มิใช่เพราะไม่รู้ แต่เพราะขาดสติไปชั่วคราวแค่นั้นเอง เราทุกคนรู้ถูกผิดดีชั่ว แต่บางครั้งพลาดพลั้งเพราะขาดสติ แล้วก็ต้องมาเสียใจทีหลัง การเรียนสมาธิ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ช่วยให้ผมมีสติมากขึ้นอย่างชัดเจน เวลาโกรธก็รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธ หลังจากนั้นก็โกรธน้อยลง (ผมยังไม่สามารถทำให้ตัวเองไม่โกรธเลย แต่ก็รู้ตัวว่าเราโกรธยากขึ้นมาก และถ้าโกรธมันก็หายไปเร็วกว่าเดิมมาก)

มีประโชน์อีกมากมายที่ได้จากการเรียนสมาธิ ซึ่งนำมาเขียนเท่าไหร่ก็คงไม่หมด

  สถาบันพลังจิตตานุภาพ  จะเปิดรับนักศึกษาครูสมาธิ ปีละ 2 ครั้ง คือ ประมาณเดีอนกุมภาพันธ์ และ เดือนสิงหาคมของทุกปี ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีครับ เป็นช่วงที่กำลังรับสมัครอยู่พอดี ขอเชิญเพื่อนๆที่สนใจสมัครได้ที่ สถาบันพลังจิตตานุภาพ  ทั่วประเทศครับ

การธุดงค์ @ ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

ทำบุญ นั่งสมาธิ เดินจงกรม แล้วได้อะไร

ถ้าถามว่า “ทำบุญ นั่งสมาธิ เดินจงกรม สวดมนต์ แผ่เมตตา ทำแล้วได้อะไร”
ถ้าให้ตอบแบบตรงๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรม ผมก็คงต้องตอบว่า “ไม่รู้”

จริงๆแล้ว ตอนนี้ผมก็ปฏิบัติธรรมทุกวัน สวดมนต์ทุกวัน แผ่เมตตาทุกวัน ตักบาตรบ่อยขึ้นมาก สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง (จากเดิมไม่เคยเกินปีละ 2-3 ครั้ง)
ถามว่า ได้บุญไหม ตายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์หรือเปล่า ผมตอบไม่ได้ครับ

รู้แต่ว่า ..  สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม แล้วใจสงบขึ้น นิ่งขึ้น มีสติมากขี้น

ตอนนี้ผมสวดมนต์เป็นประจำทุกคืนมาปีกว่าแล้ว แรกๆก็ไม่รู้สึกอะไร ออกจะรู้สึกว่าเสียเวลาด้วย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า สวดมนต์ช่วยให้ใจเราสงบขึ้น

ผมนั่งสมาธิ เดินจงกรม มากกว่า 8 เดือน รู้และสัมผัสกับตัวเองได้เลยว่า สุขภาพดีขึ้น ทั้งกายและใจ มีสติขึ้นมาก

การแผ่เมตตา จริงๆก็ไม่รู้ว่า ญาติ หรือเจ้ากรรมนายเวรได้รับหรือเปล่า รู้แต่ว่า มันทำให้เรามีเมตตามากขึ้น จิตใจอ่อนโยนมากขึ้น เบียดเบียนสัตว์ และคนอื่นน้อยลง (ยกเว้น ยังตบยุงอยู่ประจำ ยังทำใจไม่ได้ เพราะมันกัดลูก จะให้ปัดอย่างเดียว ยังทำไม่ได้ครับ)

อยากแบ่งปันความรู้สึกดีๆ และเหตุผลง่ายๆของการปฏิบัติธรรมคือ พัฒนาตัวเราเอง และทำให้ตัวเราเองสบายทั้งกายและใจ

 

 

สมาธิ สิ่งจำเป็นในชีวิต

ถ้าจะพูดว่าสมาธิเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต หลายๆท่านคงจะเห็นด้วย แต่อาจมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าไม่จริง และอาจไม่ตระหนักถึงความสำคัญของสมาธิ เพราะอาจคิดว่า ที่ฉันมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยนั่งสมาธิ ไม่เคยเดินจงกรม ก็สามารถอยู่ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร เมื่อก่อนผมก็คิดแบบนั้นครับ (ก่อนที่ผมจะได้มาเรียนสมาธิ)

ผมอยากยกตัวอย่างง่ายๆอันหนึ่ง ผมอยากเปรียบเทียบการทำสมาธิ เหมือนกับการออกกำลังกาย การออกกำลังกายก็เพื่อให้กายแข็งแรง การทำสมาธิก็เพื่อให้จิตหรือใจของเราแข็งแรงเช่นกัน

ถ้าเราไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายของเราก็จะอ่อนแอ และค่อยๆเสื่อมทีละเล็กทีละน้อย แต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เพราะความเสื่อมนั้นค่อยๆสะสม และยังไม่ได้แสดงอาการ แต่หากปล่อยปะละเลยให้นานวันเข้า ร่างกายที่เป็นสิ่งวิเศษและแข็งแรงของเราก็เริ่มที่จะไม่ไหว อาจจะเริ่มแสดงอาการโดยการที่เป็นหวัดบ่อยขึ้น เริ่มปวด เริ่มเมื่อย และโรคของความเสื่อมต่างๆก็ตามมา บางครั้งอาจรุนแรงกว่าที่เราจะคาดถึง

จิตใจเราก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่ได้ออกกำลังจิต พลังของมันก็จะลดน้อยถอยลง แสดงถึงอาการมากมาย (ซึ่งบางครั้งเราอาจคิดไม่ถึง) เช่น การนอนไม่หลับ โกรธง่าย โมโหร้าย อ่อนไหวง่าย คุมสติตัวเองไม่อยู่ ยั้งอารมณ์ไม่ได้ ทำไปแล้วค่อยมาเสียใจทีหลัง อาการอย่างนี้ทุกคนคงเห็นด้วยว่าเป็นเพราะขาดสติ หรือขาดสมาธิ ผู้อ่านหลายท่านก็อาจมีประสบการณ์ใช่ไหมครับ ผมก็เคยเป็นเช่นกัน

ผมเองเคยเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ทำแบบไม่สงสารตัวเอง เพราะคิดว่าตอนนี้ยังมีแรง ขอให้ลำบากเสียตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปจะได้สบาย จึงโหมทำงานหนักโดยไม่ได้สงสารร่างกาย ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ดูแลตัวเอง ผลก็คือ ตัวเองต้องมาเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคฮิตในผู้สูงอายุ แต่ผมเองกลับมาเป็นโรคนี้ตอนอายุแค่ 30 ต้นๆ

พอตัวเราทำงานมาก ก็คอยแต่สะสมความเครียดเอาไว้ ยิ้มก็ไม่เป็น มีแต่ความกังวลอยู่ในหัว ไม่ยอมปล่อยวาง รู้สึกว่าบางครั้งตัวเองหงุดหงิดง่ายขึ้น ทั้งๆที่บางครั้งเป็นเรื่องเล็กน้อย และรู้สึกตัวเองว่าความโกรธของเราในบางครั้งนั้นรุนแรง อาจจะเป็นเพราะการสะสมความเครียดเป็นระยะเวลานานๆก็ได้

หลังจากที่ป่วยเป็น โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ก็ทำให้รู้ตัว สำนึกได้ ว่าชีวิตเรานั้นต้องการสมดุล ไม่ใช่มุ่งแต่ทำอะไรมากจนเกินไปแต่อย่างเดียว ก็แบ่งเวลาพักผ่อน และออกกำลังกายมากขึ้น ร่างกายก็ดีขึ้นตามลำดับ

หลังจากได้เรียนสมาธิ ก็รู้สึกว่าใจของตัวเองสบายขึ้น โกรธน้อยลง หายโกรธเร็วขึ้น เรามีสติมากขึ้น หลับง่ายขึ้น (ทั้งๆที่ตัวเองหลับง่ายอยู่แล้ว) ยิ้มง่ายขึ้น (ปกติจะเป็นเสือยิ้มยาก) ให้อภัยคนอื่นมากขึ้น รู้ใจตัวเอง และคิดถึงใจคนอื่นมากขึ้น มีข้อดีที่ลึกซึ้งมากมายที่ผมได้รับจากการเรียนสมาธิ

นั่งสมาธิ เดินจงกรม เพิ่มพลังให้กับชีวิต

เป็นความรู้สึกจริงๆครับว่าร่างกายของเรามีพลังขึ้น หลังจากได้นั่งสมาธิ และเดินจงกรมทุกเช้า

จากการแนะนำของอาจาย์ที่สอนสมาธิ ให้ลองนั่งสมาธิ เดินจงกรมตอนเช้ามืด ผมชนะใจตัวเอง ตื่นเช้าได้ (ทั้งๆที่คิดมาตลอดชีวิตว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับเรา) ลองนั่งสมาธิ และเดินจงกรมตอนตี 4 เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553 ตอนนี้ผมก็ทำสมาธิตอนเช้ามืดต่อเนื่องมาได้หลายวันแล้ว (ยกเว้นคืนวันปีหม่วันเดียว)

ความรู้สึกแปลกอย่างหนึ่งคือ ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะง่วงนอนระหว่างวันเพราะต้องตื่นเช้า แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ตอนนี้รู้สึกว่า่ร่างกายของเรามีพลังมากขึ้น เหมือนกับแบตเตอรี่ที่ได้รับการชาร์จไฟเข้าไปใหม่

วันแรกๆของการทำสมาธิตอนเช้า รู้สึกตัวเองมึนๆบ้าง แต่เหมือนมีพลังลึกๆ แบบบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะตัวเรากังวลไปเองว่า เราต้องง่วงแน่ๆ แต่ก็ไม่ต้องนอนระหว่างวันเลยครับ

ตอนนี้หลังทำสมาธิตอนเช้า บางครั้งหากยังเช้ามาก ก็อ่านหนังสือ หรือนอนต่อแป๊บหนึ่ง แต่หลังจากตื่นแล้ัว จะรู้สึกสดชื่นมาก เหมือนตื่นจากข้างใน ไม่ใช่ตาตื่น แต่ตัวไม่อยากตื่นเหมือนที่เคยเป็น

อยากเชิญชวนให้ผู้อ่านลองทำสมาธิดูครับ ไม่น่าเชื่อ ว่าการเดิน หรือนั่ง โดยการทำใจเราให้นิ่ง สงบ กำจัดอารมณ์ต่างๆทิ้่งไป จะมีผลดีกับชีวิตเรามากขนาดนี้

แก้ปัญหา..นอนไม่หลับ ด้วยสมาธิ

การนอน เรื่องง่ายๆสำหรับคนทั่วไป แต่อาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับบางคนเพราะเขา”นอนไม่หลับ” ผมคิดว่าหลายๆคนก็อาจจะเคยนอนไม่หลับ แค่นอนไม่หลับคืนเดียวก็ทรมานแล้ว เช้าขึ้นระบบของร่างกายรวนหมดเลย เป็นอันทำงานทำการไม่ได้

ปัญหาการนอนไม่หลับเป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะคนที่เป็นส่วนมาก ไม่ใช่นอนไม่หลับแค่คืนเดียว แต่นอนไม่หลับหลายๆคืน หรือทุกๆคืน ทำให้บั่นทอนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ

หลังจากที่ผมได้เรียนเรื่องสมาธิ ก็ได้รู้ว่าการการนั่งสมาธิ และเดินจงกรมนั้นให้ประโยชน์หลายอย่าง รวมถึงช่วยเรื่องการนอนไม่หลับด้วย มีหลายๆคนที่เดิมหลับยาก หรือหลับไม่สนิท พอได้มาเรียนสมาธิแล้ว ก็ช่วยให้หลับง่าย และหลับลึกขึ้น

ตามหลักสูตรครูสมาธิของพระอาจารย์ หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินทโร ท่านอธิบายเกี่ยวกับการนอนไว้ว่า การนอนก็คือการทำสมาธิอย่างหนึ่ง เป็นการได้สมาธิโดยธรรมชาติ ที่เราไม่ได้นอนแล้วอยู่ไม่ได้ ก็เพราะเราขาดสมาธิ (ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ) นั่นเอง

แต่สำหรับคนที่ทำสมาธินั้น แม้จะนอนน้อยก็สามารถอยู่ได้ เพราะสมาธิที่สร้างขึ้นโดยการทำสมาธิ (เช่น การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม) นั้นมีเพียงพอสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน

สำหรับตัวผมเอง การเรียนสมาธิ ทำให้ผมหลับสนิทและหลับลึกขึ้น ทำให้ความเพลียระหว่างวันลดลง เมื่อก่อน ผมมักจะง่วง และต้องแอบงีบตอนกลางวัน อย่างน้อยสักครึ่งชั่วโมง แต่หลังจากการเรียนสมาธิมา 2-3 เดือน ผมแทบไม่ต้องนอนกลางวันเลย จะมีบ้างเฉพาะวันที่นอนดึก

เมื่อวาน ผมยังได้คุยกับพี่จิ๊บ (นักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 26) พี่จิ๊บมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับมาประมาณ 4 ปี ถึงขนาดต้องหาหมอกินยา และหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคนอนไม่หลับ หรือ Insomnia พี่จิ๊บต้องทรมานกับโรคนอนไม่หลับอยู่หลายปี วิธีทางเดียวที่จะทำให้เธอนอนหลับได้ก็คือ “ยา” เริ่มกินยาทีละน้อย และก็ต้องเพิ่มขนาดขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่ายาจะมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว ก็จำเป็นต้องกิน เพราะได้ลองหลายวิธีเพื่อให้นอนหลับ แต่ก็ไม่เป็นผล

หลังจากที่พี่จิ๊บได้มาเรียนสมาธิในหลักสูตรครูสมาธิประมาณ 3 เดือน อาการนอนไม่หลับก็เริ่มดีขึ้น ลดการใช้ยาลง เหลือรับประทานยาเพียงแค่ครั้งละครึ่งเม็ด วิธีที่พี่จิ๊บใช้ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับคือ การนั่งสมาธิก่อนนอน หลังจากพี่จิ๊บทำกิจวัตรประจำวันเสร็จ และพร้อมเข้าน้อนแล้ว พี่จิ๊บก็จะนั่งสมาธิก่อนนอนประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็นอนทันทีเลย วิธีนี้ทำแล้วได้ผล และทำให้พี่จิ๊บหลับได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้ได้ทำสมาธิมาประมาณ 9 เดือนแล้ว หลังจากไปเดินธุดงค์ที่ดอยอินทนนท์กลับมา ก็นอนหลับได้เอง ไม่ต้องใช้ยาอีกเลย หมอก็บอกว่าหายแล้ว ยาที่เหลือก็ให้เก็บเผื่อไว้จนหมดอายุ แล้วค่อยทิ้งมันไป

ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่สมาธิช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างมาก

WordPress Themes