จริงหรือเปล่าที่เราเริ่มต้นเมื่อไหร่ก็ได้
จริงครับ ผมเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆ คนที่เริ่มต้นไม่ได้เพราะเขาไม่คิดจะเริ่มต้น หรือยังไม่คิดจะเริ่มต้นจริงๆ คุณพ่อของผมท่านสอบผมไว้อย่างหนึ่ง “วันหนึ่งที่สำคัญของชีวิตเรา คือวันที่เราคิดได้ วันที่เราคิดได้ว่าเราจะพาชีวิตเราไปทางไหน” ผมไม่รู้ว่าจริงไหมสำหรับท่านอื่น แต่ผมเชื่อว่าจริง
บางครั้งชีวิตเราเหมือนอะไรสักอย่างหนึ่งที่ลอยไปเรื่อยๆ ลอยไปตามกระแส แต่ไม่เคยคิดจริงๆว่าเราต้องการอะไร วันหนึ่งที่เราคิดได้ว่าเราต้องการทำอะไร วันนั้นแหละชีวิตเราสำเร็จไป 50% แล้ว และไม่ว่าเราคิดได้เมื่อไหร่ ไม่มีคำว่าสาย เหมือนฝรั่งที่เขาพูดว่า “Life always begin at 40.” หรือ “ชีวิตมักจะเริ่มต้นที่อายุ 40 ปี”
หลายคนถามว่า “นักโทษเขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ไหม”
ผมตอบว่า “ได้”
แล้ว “นักโทษที่ต้องโทษนานๆล่ะ เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ไหม”
ผมตอบว่า “ได้”
แล้ว “นักโทษที่ทำผิดมากๆ เช่น ข่มขืน ฆ่าคนตายมาหลายคนล่ะ เริ่มต้นใหม่ได้ไหม”
ผมก็ตอบว่า “ได้”
ทุกคนสามารถผิดพลาดได้ทั้งนั้น จะมากน้อยก็ความผิดพลาด แล้วไง ชีวิตของเราต้องจมปลักอยู่กับความผิดพลาดในอดีตหรือไง ผมเคยให้ผู้ต้องขังกลุ่มที่ฆ่าคนตายนึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง ใช่มันคือความผิดพลาด
ผมก็ถามเขาว่า “มีใครเคยฆ่าคนถึง 10 คนไหม” .. ในที่นั้นไม่มี
ผมถามเขาอีกว่า “มีใครเคยฆ่าคนถึง 100 คนไหม” .. แน่นอนไม่มี
ผมก็ถามเขาว่า “มีใครเคยฆ่าคนถึง 1000 คนไหม” .. ไม่มี ทุกคนเริ่มงง
ผมบอกเขาว่า ผมรู้จักคนๆหนึ่ง ฆ่าคนมาเกือบพันคน แต่เขาก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ทุกคนก็งง ผมก็เฉลยว่าคนที่ผมรู้จักก็คือ องคุลีมาล ท่านฆ่าคนมามากแค่ไหน แต่สุดท้ายท่านกลับใจ บวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา และบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ ทีนี้จริงหรือเปล่าว่าใครก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ขอเพียงแค่คิดที่จะเริ่มต้น
ผมหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ ไม่ว่าสิ่งที่เราคิดว่าดีหรือไม่ดีก็ตามที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องดี
เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ทำให้เราเจ็บ ทำให้เรามีความทุกข์แสนสาหัส แล้วมันดีได้อย่างไร
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา เรามองได้ 2 มุมเสมอ คือ ดี และ ไม่ดี หรือ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี แต่ลองคิดดูสักหน่อยครับ หากมีเรื่องไม่ดี มีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น แล้วเราจะคิดแย่ๆเพื่อซ้ำเติมตัวเองอีกทำไม
ที่คิดดี ไม่ใช่ว่าแกล้งคิดดี หรือคิดบวกตามแฟชั่น แต่มันดีจริงๆ ทุกเรื่องมีดีจริงๆ
ผมป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมันดีอย่างไง ก็เห็นชัดๆว่ามันไม่ดี การเกิดโรคเกิดภัยขึ้นกับตัว มันก็ทำให้กายเราเป็นทุกข์มากพออยู่แล้ว ทำไมต้องทำให้ใจเป็นทุกข์เพิ่มขึ้นอีก ที่ผมเป็นโรคร้ายที่ไม่มีวันหายนี้ก็เพราะผมไม่รู้จักประมาณตน ไม่รู้จักพอดี มุ่งแต่คิดว่าจะทำงานให้มากเพื่อเร่งความสำเร็จของตน ชีวิตข้างหน้าจะได้สบาย พอผมเป็นโรค ก็ทำให้เราเริ่มคิดได้ เริ่มสร้างสมดุลใหม่ให้ชีวิต เริ่มทำงานให้พอดีกับตน รักษาสุมดุลสุขภาพกายและใจให้ดีขึ้น ทำให้ผมได้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่สมดุลและไม่ประมาท .. อ่านเพิ่มได้ที่ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น
นักโทษที่ต้องโทษในเรือนจำนานๆดีอย่างไร ต้องโทษก็ดีกว่าถูกประหารชีวิต ยังมีโอกาสได้คิดกลับตัว มีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่ อย่างน้อยก็ยังมี … “โอกาส” และยังได้รู้ว่าการกระทำที่ผ่านมาผิดพลาด ทำอย่างไรจะไม่ให้พลาดอีก
คนเกิดมาจน เกิดมาไม่มีโอกาสดีอย่างไร เขาก็ได้ความอดทน รู้จักพึ่งตนเอง และไม่กลัวความลำบากอย่างที่หลายๆคนกลัว ผมอยากให้ท่านรู้จักขอทานท่านหนึ่งชื่อ “ไล่ตงจิ้น” เขาเกิดมาก็เป็นขอทาน ที่เป็นขอทานก็เพราะเกิดเป็นลูกขอทาน ไม่ใช่ขอทานธรรมดา แต่พ่อของเขาเป็นขอทานตาบอด แม่ปัญญาอ่อน น้องชายคนโตปัญญาอ่อน แถมยังต้องมีพี่น้องให้ต้องดูแลอีก 12 ชีวิต ขอทานท่านนี้สุดท้ายพลิกฟื้นชีวิตได้ ได้เป็นบุคคลที่ได้รับยกย่องของไต้หวัน ผมอยากให้ทุกคนได้รู้จักเขามากขึ้นและอยากให้ได้อ่านหนังสือ “ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต” หนังสือที่ประธานาธิบดีไต้หวันแนะนำให้คนไต้หวันอ่าน
ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ไม่ว่าสมหวังหรือผิดหวัง ไม่ว่ามันจะนำมาซึ่งน้ำตาหรือเสียงหัวเราะ มันเป็นเรื่องดี เพราะทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรามันหล่อหลอมความเป็นเรา อยู่ที่เราว่าจะนำประสบการณ์เหล่านั้นมาสอนใจตนและทำให้ตนพัฒนาได้หรือไม่
อันดับแรกที่เราต้องการในชีวิตคือ มีกิน มีปัจจัย 4 จริงไหมครับ
ถ้ายังไม่มีกินไม่ต้องคิดถึงอย่างอื่น เพราะฉะนั้นเราต้องทำมาหากินให้มีกินก่อน และแน่นอน การมีกินไม่ใช่มีกินแค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ไม่รู้จะกินอะไร เมื่อเรามีกินในวันนี้แล้ว เราก็ต้องการมีกินวันพรุ่งนี้ด้วย อันนี้เป็นความรู้สึกว่าชีวิตเราปลอดภัยขึ้น ครับหลายท่านคงจะเริ่มคุ้น นี้ก็เป็นไปตามกฏความต้องการ 5 ขั้นตอนของมาสโลว์
ปัญหามันเริ่มตรงที่ว่า คนเรามักไม่หยุดตรงที่มีกินมีใช้ พอเริ่มมีกินมีใช้ ก็อยากรวย พอรวย ก็อยากมีอำนาจ
ปัญหาก็ยังไม่จบอยู่ดีครับ เพราะพอรวย พอมีอำนาจก็ยังไม่หยุด มีความต้องการมากขึ้นไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น
แล้วจริงๆชีวิตนี้ เราต้องการอะไร
ในทัศนคติของผม ผมขอตอบว่า “ความสุข” ที่หลายคนพยายามค้นหาและเพิ่มความร่ำรวย ความมีอำนาจ ก็เพราะคิดว่าระดับความสุขจะมีมากขึ้นตามระดับความร่ำรวยและอำนาจที่เพิ่มขึ้น
จริงๆแล้วมีบทพิสูจน์มากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า ความร่ำรวยและอำนาจไม่ใช่คำตอบ เช่น มีมหาเศรษฐีมากมายฆ่าตัวตาย มีรัฐมนตรีหรือผู้มีอำนาจมากมายถูกจำคุกและฆ่าตัวตาย มีผู้นำประเทศมากมายทั้งรวยทั้งมีอำนาจแต่ไม่สามารถอยู่ในบ้านเกิดของตนได้ (อันนี้ขอละความคิดเห็นทางการเมืองว่าใครผิดใครถูก แต่ต้องการจะชี้ว่า ถึงแม่ว่ามีเงินมีอำนาจก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้) ลองนึกภาพว่า ถ้าเรามีเงินมากมายมหาศาล แต่ถ้าไม่สามารถกลับบ้านไปหาครอบครัวที่อบอุ่นได้ เราจะมีไปทำไม
แล้วทำไมคนยังอยากมีเงินมีอำนาจ
ถ้าให้ผมตอบก็เพราะความหลง ความหลงที่คิดว่าเป็นของดี คนที่หลงนั้นคือเขาไม่รู้หรอกว่าเขาเดินทางผิด หรือทั้งๆที่เขาเดินทางผิด เขาก็คิดว่าเป็นทางที่ถูก
คนที่มีปัญญาเท่านั้นที่จะหาความสุขเจอ
ที่แท้ความสุขของเราอยู่ที่ .. ใจ ทุกคนตอบได้ แต่บางครั้งเราไม่เชื่อจริงๆใช่ไหมครับ ผมไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนหยุดทำมาหากินแล้วมานั่งสมาธิภาวนา เพราะอย่าลืมว่าปัจจัย 4 คือความต้องการพื้นฐาน ถ้าท้องยังไม่อิ่ม อย่าไปหวังความสุขอย่างอื่นเลย
แต่ผมหมายถึงการที่เรามีใจที่มีสติ มีความสุข และมีความพอดี …
1. ใจที่มีสติ จะช่วยหยุดหรือลดเรื่องร้ายๆเข้าสู่ชีวิตเรา และจะนำชีวิตเราไปสู่ทางที่ดีขึ้น
2. ใจที่มีความสุข จะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้เรามีชีวิตที่มีคุณภาพดี และเป็นวัคซีนป้องกันหรือลดปัญหาหรือทุกข์ที่เข้ามา ถ้าเรามีความสุขมาก มีทุกข์เข้ามานิดเดียวมันก็ไม่กระทบใจ
3. ใจที่มีความพอดี ความพอดีคือพอดีสำหรับตัวเราเอง ไม่ใช่คนอื่น ที่สำคัญคืออย่าเปรียบเทียบความพอดีของเรากับคนอื่น เพราะทันทีที่เริ่มเปรียบเทียบก็อาจจะเกิดทุกข์ได้
แล้วทำอย่าไรใจจะมีสติ มีความสุข และรู้จักพอดี … ก็ต้องทำให้ใจมีพลังหรือกำลัง
เราทำให้ใจเรามีพลังหรือกำลังด้วยการฝึกจิต ด้วยการทำสมาธิ นั่งสมาธิ เดินจงกรม
Tags: ค้นหาชีวิต, ความต้องการในชีวิต, ความสุข, ทำสมาธิ, นักโทษ, นั่งสมาธิ, ผู้ต้องขัง, ภูเก็ต, เดินจงกรม, เรือนจำ, ใจ
ความรู้-ประสบการณ์, นั่งสมาธิ-เรียนสมาธิ, สุขภาพ กาย&ใจ | lupthawit | Comments (0)
ถ้ามีโอกาสได้ไปคุยกับนักโทษ หรือผู้ต้องขังในเรือนจำ
คุณอยากจะบอกอะไรพวกเขา ?
คุณอยากจะพูดว่าอะไร ?
แล้วถ้าเขาทำผิดร้ายแรงล่ะ เช่น ฆ่าคนตาย ข่มขืน ยาเสพติด..
คุณอยากจะบอกอะไรพวกเขา ?
คุณอยากจะพูดว่าอะไร ?
ผมโชคดีที่มีโอกาสเข้าเรือนจำหลายครั้ง ไม่ใช่ในฐานะผู้ต้องขัง แต่ในฐานะวิทยากรที่ได้ไปบรรยายเกี่ยวกับสมาธิให้กับผู้ต้องขังฟัง ที่ผมคิดว่าตัวเองโชคดีก็เพราะมีโอกาสได้ทำบุญโดยการมอบธรรมทานให้แก่เพื่อนผู้ต้องขัง
ในครั้งหลังๆผมมีโอกาสได้เข้าไปบรรยายอีก แต่บรรยายให้กับผู้ต้องขังที่ทำผิดร้ายแรง เช่น ฆ่าคนตาย ข่มขืน ซึ่งผู้ต้องขังกลุ่มนี้จะต้องอยู่เรือนจำเป็นเวลาหลายปี ลองคิดดูซิว่าเราจะคุยกับเขาเรื่องอะไรดี
สิ่งที่ผมคิดเป็นโจทย์ให้กับตัวเองมี 2 ประเด็น คือ
1. ทำอย่างไรให้เขามีกำลังใจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
2. ทำอย่างไรที่จะทำให้เขาคิดที่จะเริ่มต้นใหม่ได้
เมื่อคิดถึง 2 สิ่งนี้แล้ว ผมก็มุ่งการบรรยายของผมไปใน 3 ประเด็น
1. สิ่งที่เราต้องการในชีวิตแท้จริงคืออะไร
2. อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาในชีวิตของเราล้วนเป็นเรื่องดี
3. คนเราจะเริ่มต้นใหม่เมื่อไรก็ได้ สำคัญตรงที่คิดว่าจะเริ่มต้น
เรื่องค่อนข้างยาว ผมจึงอธิบายเรื่องทั้งหมดใน 3 บทความ
ค้นหาชีวิต1 – สิ่งที่เราต้องการในชีวิตแท้จริงคืออะไร
ค้นหาชีวิต2 – อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาในชีวิตของเราล้วนเป็นเรื่องดี
ค้นหาชีวิต3 – คนเราจะเริ่มต้นใหม่เมื่อไรก็ได้ สำคัญตรงที่คิดว่าจะเริ่มต้น
สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขา15 ศูนย์นำชัย จ.ภูเก็ต ร่วมกับ เรือนจำจังหวัดภูเก็ต ร่วมสนับสนุนเทศกาลถือศีลกินผัก ปี 2555 ในเรือนจำ ต้องการจัดหาเสื้อขาวจำนวน 200 ตัว เพื่อบริจาคให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำได้มีโอกาสร่วมบุญถือศีลกินผักพร้อมกับพวกเรา
* เสื้อไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน
* เสื้ออาจมีการโฆษณากิจการ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆได้
* ไม่จำกัดจำนวนรับ (1 ตัว, 2 ตัว, 5 ตัว, 10 ตัว ก็ได้ครับ)
ติดต่อบริจาคได้ที่
1. สถาบันพลังจิตตานุภาพ (ถ.พังงา ถัดจากธ.ออมสิน 100ม.)
2. เพียวคาร์เร้นท์ (ถ.รัษฏา, คุณเอิง)
3. บริษัท อนุภาษมโนรม จำกัด (สามแยกนาคา, คุณตุ่ม)
4. สำนักงานพันเทพคอนโด (ถ.แม่หลวน, คุณเบิ้ล)
5. ร้านเกียรติเมืองใหม่วัสดุภัณฑ์ (สามแยกสนามบิน, คุณเกียรติ)
6. สำนักงาน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ พาร์ค ภูเก็ต (คุณเบิ้ล)
7. ลีลาวดี บูติค โฮเต็ล ภูเก็ต (ป่าตอง, คุณหยิน)
ผลการดำเนินการ
โครงการมอบเสื้อขาวให้ผู้ต้องขังได้ร่วมถือศีลกินเจร่วมกับพวกเราประสบความสำเร็จเกิดคาด ยอดบริจาคกรวมถึงวันที่ 12/10/2555 ทั้งหมด 552 ตัว (ตั้งเป้าไว้ 200 ตัว) ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขา15 ศูนย์นำชัย จ.ภูเก็ต ร่วมกับ เรือนจำจังหวัดภูเก็ต จัดอบรมชินนสาสมาธิ (สมาธิเพื่อชนะใจตนเอง) ให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 – 5 ตุลาคม 2555 รวม 5 วัน โดยได้นิมนต์ พระบรรลือ ศุภกิจ เป็นวิทยากรนำการฝึกอบรม
กลุ่มเป้าหมาย
ผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต จำนวน 250 คน
– เป็นผู้ต้องขังชาย 200 คน
– เป็นผู้ตัองขังหญิง 50 คน
การดำเนินการ
จัดฝึกอบรม 5 วัน ในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต โดยแบ่งผู้ต้องขังเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 50 คน โดยมีการฝึกอบรม ทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ (เดินจงกรม และ นั่งสมาธิ
ผลการดำเนินการ
ในแต่ละวันของการฝึกอบรม มีผู้ต้องขังมาเข้ารับการอบรมประมาณ 50 – 60 คน ทุกคนตั้งใจฟังการบรรยาย และร่วมปฏิบัติอย่างตั้งใจ อาจจะมีผู้เข้ารับการอบรมบางส่วน ประมาณ 10-15% ที่อาจจะละเลยปฎิบัติบ้างเป็นบางช่วง แต่ก็เป็นส่วนน้อย
โดยรวม ผลการดำเนินการประสบความสำเร็จเกิดคาด เมื่อจบการบรรยายในแต่ละวันมีผู้ต้องขังจำนวนมากที่เดินเข้ามาขอบคุณ และอนุโมทนาบุญกับคณะวิทยากร