ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ผมก็ได้ไปทัวร์หมู่เกาะสิมิลัน กับบริษัท Similan Pro Dive ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ที่ให้บริการท่องเที่ยว และดำน้ำที่หมู่เกาะสิมิลันรายใหญ่รายหนึ่ง (ไกด์เขาบอกมา)
ได้มีโอกาสไปเที่ยวสิมิลันครั้งนี้ ขอบอกตรงๆว่า ตื่นเต้นนิดๆเพราะผมไม่ได้ไปมานานเหลือเกิน เคยไปครั้งหนึ่งสมัยเรียนอยู่ ม.ปลาย เกือบ 20 ปีมาแล้ว สมัยนั้นไปกับคุณพ่อ ไปกับเรือ Jet Cat ออกจากภูเก็ตที่หาดป่าตอง เรือ Jet Cat เป็นเรือแอร์ ขนาดใหญ่ หรู และวิ่งเร็วมาก ตอนนี้หยุดวิ่งไปแล้ว ยังจำได้ว่าทรายที่สิมิลันขาวและละเอียดยังกับครีมเทียมที่ใช้ใส่กาแฟ
วันเดินทาง มีรถตู้มารับตั้งแต่เวลา 5.50 น. เขียนเวลาไม่ผิดครับ มารับตอนเช้ามาก เพราะต้องเดินทางไกล รถตู้มารับผมกับภรรยาเป็นกลุ่มแรก หลังจากนั้นไปรับแขกที่โรงแรมในเมือง และแวะรับแขกชาวรัสเซียอีกกลุ่มหนึ่งที่โรงแรม J.W. Marriott หาดไม้ขาว จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ท่าเรือทับละมุ จังหวัดพังงา
ถ้าท่านจะเตรียมตัวมาเที่ยวทริปนี้ ขอแนะนำให้ซื้อขนม เครื่องดื่ม ไว้ทานในรถ ระหว่างเดินทางมาท่าเรือก็ดีนะครับ จะได้มีกำลังวังชาไว้สนุกเต็มที่เวลาถึง..เกาะสิมิลัน
เวลา 08.10 น. ถึงท่าเรือทับละมุ เราก็ได้หยุดพักผ่อนที่ออฟฟิตของบริษัททัวร์ที่อยู่ในบริเวณท่าเรือ ที่นี่เขามีชา-กาแฟ และขนมขบเคี้ยวไว้บริการด้วย และไกด์ที่รอเราอยู่ที่ออฟฟิตก็แจกอุปกรณ์ดำน้ำ (Snorkel) ก็มี หน้ากาก หลอดหายใจ และตีนกบให้ โดยไกด์ได้ย้ำว่าห้ามทำหาย ไม่งั้นอาจต้องจ่ายตังค์
ก่อนที่จะลงเรือที่ท่าเรือ ไกด์ขอเก็บรองเท้าของเราทุกคน เพราะให้เหตุผลว่า หลังจากนี้จะไม่ต้องใช้ทั้งวัน ก็จริงครับ ได้เดินไปไหนมาไหนทั้งวันโดยไม่มีรองเท้า ทำให้รู้สึกว่าได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบเต็มๆ และทั้งวันที่ผมเดินเท้าเปล่า ก็ไม่ต้องคอยระวังเศษขยะ เศษแก้ว หรือเศษขวด ที่สิมิลันยังสะอาดมากจริงๆ อยากให้ทุกที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะภูเก็ตสะอาดอย่างนี้บ้าง
เวลา 09.10 น. เรือเร็ว (Speed Boat) ของเราก็ได้ออกจากท่าเรือทับละมุ มุ่งหน้าสู่เกาะสิมิลัน เย!! ดีใจจัง กำลังจะได้พบกับธรรมชาติทางทะเลที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นจุดดำน้ำของไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เรือเร็วที่เราโดยสารวันนี้ชื่อเรือ “เริงสมุทร” ครับ ตั้งชื่อบันเทิงจริงๆ น่าสนุกครับ เป็นเรือเร็ว 2 เครื่องยนต์ รับผู้โดยสารได้ประมาณ 25 คน ไกด์แอบกระซิบว่า เรือใช้น้ำมันเบนซิน 91 ไปทริปเที่ยวหนึ่งใช้น้ำมันประมาณ 400 ลิตรครับ ลองคิดดูคร่าวๆ ลิตรละ 30 บาท ค่าน้ำมันอย่างเดียวก็ 12,000 บาทเข้าไปแล้ว โอย จะเป็นลม ค่าใช้จ่ายต่อวันของบริษัทสูงจริงๆ
ไกด์แนะนำให้ใส่เสื้อชูชีพเพี่อความปลอดภัย พอเรือวิ่งห่างจากท่ามากขึ้น เราก็เริ่มรู้สึกสนุกครับ ดูทุกคนในเรือต่างตื่นเต้น เรือวิ่งเร็วมากครับ ธงชาติบนเรือพัดสะบัดเพราะแรงลมเหมือนจะขาดให้ได้ แต่พอเรือวิ่งไปได้สักประมาณ 1 ชั่วโมง เรือเริ่มกระแทกน้ำมากขึ้น ผมทำท่าจะเมาเรืออยู่แล้ว เวียนหัวไปหมด โชคดีที่ก่อนออกเรือมา ไกด์บอกว่า ถ้าไม่ชัวร์ กินยาแก้เมาเผื่อไว้ก็ได้ ผมเลยได้กินไป 1 เม็ด คิดว่าพอช่วยได้มาก
เวลา 10.35 น. พอถึงหมู่เกาะสิมิลัน เรือพาเราไปที่เกาะ 9 ก่อน ไกด์บอกว่า ถ้ามึนให้กระโดดลงน้ำเลย เดี๋ยวก็หาย จริงๆครับ พอกระโดดลงน้ำได้พบกับความสวยงามของธรรมชาติ อาการเมาเรือก็หายไปหมดเลย ไม่เฉพาะผมคนเดียวนะครับ ลูกค้าหลายคนที่อยู่บนเรือที่มึนๆต่างก็สดชื่นอย่างเห็นได้ชัด
เขามีเวลาให้ดำน้ำประมาณ 45 นาที เราโชคดีมาก เจอเต่าตัวใหญเบ้อเร่อเลย เด็กเรือบอกว่า เต่าตัวนี้อยู่ที่เกาะนี้เป็นประจำ มักจะได้เห็นบ่อยๆ มันคุ้นกับคนมาก ตอนผมว่ายชมปะการังอยู่ มันว่ายมาทางผมและลอดไปทางใต้ท้องผมไปแบบใกล้มาก (ใกล้ขนาดเอามือจับได้) เล่นเอาผมเกือบสำลักน้ำ (ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว) โอ!! เป็นประสบกาณ์ที่สุดยอดจริงๆครับ
วันที่เราเดินทางมาเกาะสิมิลันนี้ อากาศไม่ค่อยสดใส จึงทำให้ถ่ายรูปแล้วไม่ค่อยสวย (ไม่ใช่ฝีมือคนถ่ายไม่ดีนะครับ ฮิๆ) แต่ก็อาจจะเป็นโชคดี เพราะแดดไม่ร้อน ทำให้ว่ายน้ำได้อย่างสบายใจ
เวลา 11.30 น. เรือก็พาเรามาถึงเกาะ 8 ซึ่งเป็นเกาะที่มีหินเรือใบที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะสิมิลันตั้งอยู่ นอกจากหินเรือใบ มีหินที่รูปร่างคล้ายรองเท้าบูทด้วย
พอขึ้นเกาะ 8 น้องเด็กเรือก็ขอเป็นไกด์อาสา พาเราปีนขึ้นไปที่บนหินเรือใบ ทางขึ้นนั้นบางช่วงก็ลำบากนิดหน่อย แต่ก็ขึ้นได้ไม่ยากนัก เชื่อผมเถอะครับ ไม่ยากจริงๆ เพราะปกติผมเป็นคนทำงานออฟฟิต ไม่ค่อยชอบปีนป่ายเท่าไหร่นัก ผมยังปีนไปได้ถึงยอดเลยครับ อาจจะไปช้าหน่อย แต่ก็ไปถึงครับ พอมาถึงยอด ได้เห็นทิวทัศน์จากมุมสูง สวยงามมากจริงๆครับ คุ้มค่าที่อุตส่าห์ปีนขึ้นมา
เวลา 12.10 น. เรือเร็วก็พาเราไปที่เรือใหญ่ ซึ่งจอดอยู่หน้าอ่าวของเกาะ 8 เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน กับข้าววันนี้มี ผัดวุ้นเส้น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง และต้มยำปลา เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ อาหารร้อนๆที่เสิร์ฟให้พวกเรานี้ ปรุงเสร็จใหม่ๆโดยพ่อครัวของบริษัทซึ่งอยู่บนเรือ รสชาติค่อนข้างดีครับ รสชาติดีจริงๆครับ ไม่ใช่เพราะหิวแน่นอน เพราะผมทานไปตั้ง 2 จาน หลังจากทานขาวเสร็จ พนักงานบนเรือก็บริการแขกด้วยผลไม้เย็นๆ และยังมีชา-กาแฟให้ดื่มได้เต็มที่
ที่เรือใหญ่นี้ เรามีโอกาสได้เจอเต่าตัวใหญ่อีก 2 ตัว ว่ายมาอวดโฉมให้เราอย่างไม่กลัวคน จนหลายคนทนไม่ไหว ต้องหาหน้ากากดำน้ำกระโดดลงไปเพื่อสัมผัสกับมันใกล้ๆ แต่ผมลงไม่ไหวครับ กินเข้าวเสียอิ่มเลย
เวลา 13.15 น. เราก็มาถึงเกาะ 6 เพื่อดำน้ำชมปะการังอีกครั้ง ถึงเวลาบ่ายแล้ว แต่น้ำก็ยังเย็นสบาย ทำให้ว่ายกันอย่างสบายใจ และปะการังที่เห็นก็มีขนาดใหญ่ ถึงแม้จะมีสีสันไม่สวยมาก แต่ก็ได้พบกับปลาหลายชนิด ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ ได้เจอเพื่อนๆของปลานีโม (ปลาการ์ตูน) และปลาดอลลี่ (ไม่รู้ว่าจริงๆชื่อปลาอะไร) ด้วย
เวลา 14.00 น. ไกด์ก็พาเราขึ้นเกาะ 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ ได้เดินชมบริเวณที่กางเต็นท์ และบ้านพักที่อุทยานเตรียมไว้รับรองนักท่องเที่ยว ดูแล้วน่าอยู่จริงๆครับ เงียบสงบ และเป็นธรรมชาติมาก
ที่เกาะ 4 นี้ ไกด์ได้พาเราเดินผ่านป่าเล็กๆไปยังหาดเล็ก หาดเล็กๆอีกด้านหนึ่งของเกาะ ธรรมชาติบนเกาะ 4 ช่างสวยงามครับ สภาพต้นไม้ยังอุดมสมบูรณ์มาก มีต้นไม้ใหญ่สูงๆมากมาย มีนก และสัตว์ต่างๆมาให้เห็นบ้างเป็นระยะ
ที่หมู่เกาะสิมิลันนี้ ไปทางไหนก็สวยงามไปหมดจริงๆครับ อาจเป็นเพราะผมไปในช่วงต้นฤดูกาลท่องเที่ยวด้วย จึงทำให้นักท่องเที่ยวยังมีไม่มาก ทุกอย่างเลยดูสดชื่นไปหมด
เวลา 15.00 น. เรือก็ออกนำเรากลับสู่แผ่นดินใหญ่ ตอนออกจากเกาะสิมิลันช่วงแรก เรือกระแทกกับคลื่น เสียงสะเทือนดังมาก เล่นเอาหลายคนต้องหาเสื้อชูชีพมาใส่ แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆครับ หลังจากนั้นทะเลก็เรียบ
อาจเป็นเพราะวันที่เราไปสิมิลันนั้น อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เลยทำให้ทะเลมีคลื่นบ้าง แต่โชคดีครับที่ฝนไม่ตก
ถ้ามีเวลา คราวหน้า จะต้องมาค้างคืน และสัมผัสธรรมชาติให้หนำใจมากกว่านี้ เพราะเมื่อได้สัมผัสบรรยากาศ และธรรมชาติที่สิมิลันแล้วไม่อยากกลับบ้านจริงๆ และเนื่องจากเกาะสิมิลันอยู่ไกล และต้องใช้เวลาเดินทางมาก ถ้าได้นอนค้างสักคืนน่าจะทำให้รู้สึกคุ้มค่าการเดินทางมากกว่านี้
เวลา 16.40 น. เรือก็กลับมาถึงท่าเรือทับละมุ ตอนกลับมาถึงท่าเรือทับละมุ ก็เป็นช่วงเวลาน้ำลด เรือจอดตะแคงแอ้งแม้งไปตามๆกัน
เวลา 17.00 น. รถตู้ก็ออกจากท่าเรือทับละมุ และตระเวนส่งแขกตามโรงแรมต่างๆ เรากลับถึงเมืองภูเก็ตประมาณ 19.00 น.