Posts tagged: คิดบวก

ค้นหาชีวิต2 – อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาในชีวิตของเราล้วนเป็นเรื่องดี

ผมหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ ไม่ว่าสิ่งที่เราคิดว่าดีหรือไม่ดีก็ตามที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องดี
เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ทำให้เราเจ็บ ทำให้เรามีความทุกข์แสนสาหัส  แล้วมันดีได้อย่างไร

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา เรามองได้ 2 มุมเสมอ คือ ดี และ ไม่ดี หรือ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี แต่ลองคิดดูสักหน่อยครับ หากมีเรื่องไม่ดี มีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น แล้วเราจะคิดแย่ๆเพื่อซ้ำเติมตัวเองอีกทำไม

ที่คิดดี ไม่ใช่ว่าแกล้งคิดดี หรือคิดบวกตามแฟชั่น แต่มันดีจริงๆ ทุกเรื่องมีดีจริงๆ

ผมป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมันดีอย่างไง ก็เห็นชัดๆว่ามันไม่ดี การเกิดโรคเกิดภัยขึ้นกับตัว มันก็ทำให้กายเราเป็นทุกข์มากพออยู่แล้ว ทำไมต้องทำให้ใจเป็นทุกข์เพิ่มขึ้นอีก ที่ผมเป็นโรคร้ายที่ไม่มีวันหายนี้ก็เพราะผมไม่รู้จักประมาณตน ไม่รู้จักพอดี มุ่งแต่คิดว่าจะทำงานให้มากเพื่อเร่งความสำเร็จของตน ชีวิตข้างหน้าจะได้สบาย พอผมเป็นโรค ก็ทำให้เราเริ่มคิดได้ เริ่มสร้างสมดุลใหม่ให้ชีวิต เริ่มทำงานให้พอดีกับตน รักษาสุมดุลสุขภาพกายและใจให้ดีขึ้น ทำให้ผมได้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่สมดุลและไม่ประมาท .. อ่านเพิ่มได้ที่ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น

นักโทษที่ต้องโทษในเรือนจำนานๆดีอย่างไร ต้องโทษก็ดีกว่าถูกประหารชีวิต ยังมีโอกาสได้คิดกลับตัว มีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่ อย่างน้อยก็ยังมี … “โอกาส”  และยังได้รู้ว่าการกระทำที่ผ่านมาผิดพลาด ทำอย่างไรจะไม่ให้พลาดอีก

คนเกิดมาจน เกิดมาไม่มีโอกาสดีอย่างไร เขาก็ได้ความอดทน รู้จักพึ่งตนเอง และไม่กลัวความลำบากอย่างที่หลายๆคนกลัว ผมอยากให้ท่านรู้จักขอทานท่านหนึ่งชื่อ “ไล่ตงจิ้น” เขาเกิดมาก็เป็นขอทาน ที่เป็นขอทานก็เพราะเกิดเป็นลูกขอทาน ไม่ใช่ขอทานธรรมดา แต่พ่อของเขาเป็นขอทานตาบอด แม่ปัญญาอ่อน น้องชายคนโตปัญญาอ่อน แถมยังต้องมีพี่น้องให้ต้องดูแลอีก 12 ชีวิต ขอทานท่านนี้สุดท้ายพลิกฟื้นชีวิตได้ ได้เป็นบุคคลที่ได้รับยกย่องของไต้หวัน ผมอยากให้ทุกคนได้รู้จักเขามากขึ้นและอยากให้ได้อ่านหนังสือ “ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต” หนังสือที่ประธานาธิบดีไต้หวันแนะนำให้คนไต้หวันอ่าน

ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ไม่ว่าสมหวังหรือผิดหวัง ไม่ว่ามันจะนำมาซึ่งน้ำตาหรือเสียงหัวเราะ มันเป็นเรื่องดี เพราะทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรามันหล่อหลอมความเป็นเรา อยู่ที่เราว่าจะนำประสบการณ์เหล่านั้นมาสอนใจตนและทำให้ตนพัฒนาได้หรือไม่

ปัญหา ปัญหา ปัญหา มีแต่ปัญหา แล้วจะทำอย่างไร

ในรอบปีที่ผ่านมาผมประสบกับปัญหามากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นรอบปีที่ผมคิดว่า ผมเจอสิ่งที่มากระทบใจมากที่สุดปีหนึ่งตั้งแต่เกิดมา แต่ผมก็รู้สึกดีใจ และภูมิใจในตัวเองที่สามารถผ่านสิ่งที่เลวร้ายมาได้ ถึงแม้ว่าจนกระทั่งปัจจุบัน ผมยังไม่สามารถแก้ปัญหาบางข้อได้ แต่อย่างน้อย ผมก็สามารถผ่านปัญหา และใช้ชีวิตตลอด 1 ปีที่ผ่านมาได้อย่างมีความสุข

ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ผ่านมาให้กับเพื่อนๆ ผมไม่ได้หวังว่าทุกท่านจะได้อ่านมัน เพียงแค่คนสักคนที่มีปัญหา และวิธีหรือแนวคิดที่ผมใช้มีประโยชน์สำหรับเขา ผมก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วที่ผมเขียน

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมผ่านปัญหามาได้ ก็เพราะผมได้มีเจอธรรมะ เรียกได้ว่ามาแบบถูกเวลาจริงๆ ผมจะค่อยๆอธิบายเป็นข้อๆให้เข้าใจง่ายนะครับ

* ทำงานกับใจ

“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” เป็นคำพูดที่คงไม่มีใครปฏิเสธได้ เมื่อมีปัญหาเข้ามาในชีวิต อาจทำให้หลายคนเซไปเลย ถ้าเราไม่มีหลักคิด สำหรับผมเอง ผมต้องหาเป้าหมายก่อน ไม่ต้องคิดถึงร้อยพันปัญหาที่ทำให้เราล้ม แต่หาเหตุผมสักข้อว่าทำไมเราต้องลุก

การศึกษาธรรมะช่วยผมได้มากในข้อนี้ เพราะทำให้ผมนิ่งขึ้น รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่จะมากระทบใจเราได้ เมื่อเรารู้ว่ามันคือสิ่งที่มากระทบใจ และเราไม่รับมันไว้ มันก็ทำอะไรเราไม่ได้ มนุษย์ธรรมดาอย่างเรา แม้ไม่สามารถลดสิ่งกระทบใจได้ทุกเรื่อง แค่ลดได้บ้าง ก็ยังดีกว่าลดไม่ได้เลย

* กัลยาณมิตร

กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งเวลาเราเจอปัญหาที่รุนแรง ที่เราไม่คาดถึง เกินกว่าที่ใจเราจะรับไหว (เหมือนปกติ เราสร้างบ้านริมหาด เราก็คิดเฉพาะป้องกันปัญหาคลื่นลม แต่วันดีคืนดี สึนามิด้นพัดมาโดนบ้านเราซะงั้น) กัลยาณมิตรจึงเป็นสิ่งสำคัญ กัลยาณมิตรเป็นได้ทั้งเพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง คู่สมรส ลูกของเรา ทุกคนเป็นกัลยาณมิตรที่ดีได้ ถึงแม้ว่าเขาอาจช่วยอะไรเราไม่ได้เลยก็ตาม แต่สิ่งที่เขาให้ได้คือ กำลังใจ ซึ่งสำคัญยิ่งเหนืออื่นใด

ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับกำลังใจอย่างมหาศาลจากลูกชายวัย 6 ขวบ ลูกชายเพิ่งจะนับเลขเป็น และรู้จักเงินมาไม่นาน
อยู่ดีๆลูกก็ถามว่า “พ่อมีหนี้เท่าไหร่”
ผมก็บอกว่า “หลายล้านบาทเลยลูก”
ลูกคิดนิดหนึ่งแล้วก็บอกว่า “ผมมีเงินไม่ถึงล้าน มีแค่พันกว่าบาท ถ้าพ่อจะเอาไปใช้ก่อนก็ได้นะ”

แค่นี้เองกำลังใจของเราก็เอ่อท้นท่วมขึ้นมาถึงคอแล้ว และผมยังเจอคนอีกหลายคนที่ประสบปัญหาอย่างหนักในชีวิต แล้วต่อสู้ทนเหนื่อยมาได้เพราะกำลังใจจากลูก

แม้คนที่ตายไปแล้วก็ยังให้กำลังใจเราได้ ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน จึงทำให้เราต้องอดทน คุณยายขายขนมเลี้ยงครอบครัว ได้กำไรเป็นเศษสตางค์ แต่สามารถกู้สถานการณ์ของครอบครัวเราให้ลืมตาอ้าปากได้ แม้ท่านจะตายไปแล้ว แต่ท่านก็ไม่เคยตายไปจากใจผม หลายครั้งที่ผมหมดกำลังใจ ผมก็ได้คุณยายนี่แหละครับ เป็นตัวอย่างในการสู้ชีวิต และเป็นกำลังใจเสมอมา

* ทัศนคติบวก หรือ คิดบวก

ทัศนคติบวก หรือ การคิดบวก อาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา แต่เป็นทิศทางในการแก้ปัญหา มันจะทำให้เราแก้ปัญหาถูกทางและมีความสุข ผมเคยช่วยพี่สาวท่านหนึ่งแก้ปัญหา และเขียนเรื่องนี้ไว้ที่ คิดบวก ชีวิตมีความสุข ผมคิดว่าคงเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทุกท่าน จริงๆครับ บางครั้งแค่เปลี่ยนความคิดนิดเดียว เราก็มีความสุขแล้ว คือคิดให้เป็น คิดให้ถูกทาง

* มุมมองต่อปัญหา

น่าแปลกครับ บางครั้งแค่เราขยับไปยืนคนละมุม หรือต่างองศาเพียงเล็กน้อย เราก็แก้ปัญหาได้แล้ว

ผมมีตัวอย่างหนี่งอยากแบ่งปันกับทุกท่าน มีร้านขายจานดาวเทียมอยู่ร้านหนึ่ง พอติดตั้งจานดาวเทียวให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว มักจะมีปัญหาว่าภาพไม่ชัด พนักงานติดตั้งก็ไม่ค่อยอยากไปบริการลูกค้าหลายครั้ง ทำให้เจ้าของร้านหนักใจ เขาแค่เปลี่ยนมุมมองการคิดว่า ตอนนี้บริษัทของเราไม่ได้ “ขายจานดาวเทียม” แต่ขาย “ทีวีรับชัด” เมื่อมุมมองต่อปัญาเปลี่ยนไป วิธีแก้ปัญาหก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนขายจานดาวเทียม เมื่อติดตั้งเสร็จ ความรู้สึกของพนักงานคือ ได้ส่งมอบสินค้าแล้ว แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นขายทีวีรับชัด พนักงานก็ทำทุกวิถีทางให้ทีวีรับสัญญาณได้ชัด ลูกค้าก็พอใจ

* Divide & Conquer

อันนี้ขอใช้ภาษาอังกฤษนะครับ เพราะเป็นเทคนิคที่ผมได้มาตอนเรียนวิศวะ จุฬาฯ ในทางวิศวกรรม หลายครั้ง ปัญหามันใหญ่เกินกว่าจะคิดและแก้ไขได้ง่ายๆ เทคนิค Divide & Conquer คือ การที่เราแบ่งปัญหาใหญ่ๆ เป็นปัญหาย่อยๆเล็กๆ แล้วค่อยๆแก้ไขปัญหาย่อยๆเล็กๆทีละปัญหา เราก็จะสามารถแก้ปัญหาใหญ่ได้ในที่สุด

ยกตัวอย่างเช่น การที่ Mr. Steve Jobs คิดผลิต Ipod มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยในเวลานั้น (ไม่งั้นบริษัทอื่นก็คงคิดประดิษฐ์ออกมาแล้ว) สิ่งที่ทำให้มันเป็นไปไม่ได้คือ การย่อให้คอมพิวเตอร์เล็กลงนั้นเป็นสิ่งที่เป็นเรื่องยาก และยังติดปัญหาเรื่องการระบายความร้อนด้วย (ลองคิดดู เมื่อก่อน เครื่องคอมพิวเตอร์ใหญ่ๆ มีระบบระบายความร้อนดีๆ ยังต้องอยู่ในห้องแอร์เลย ไม่งั้นมันจะร้อนจนทำงานไม่ได้) วิศวกรของ Mr. Steve Jobs ก็บอกว่าไม่น่าจะทำได้

แต่ Mr. Steve Jobs กลับบอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องปัญหาความร้อน ให้คุณคิดแค่ทำอย่างไรจึงจะทำให้คอมพิวเตอร์เล็กลง (เหลือเท่า Ipod) ส่วนเรื่องความร้อนผมจะให้อีกทีมหนึ่งหาวิธีแก้ไขเอง พอเขาแบ่งปัญหาใหญ่เป็น 2 ปัญหาย่อย เขาก็แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น

* ข้อจำกัด หรือ อุปสรรค

ต้องยอมรับจริงๆครับว่าบางปัญหาเราแก้ไม่ได้จริงๆ เพราะมันติดข้อจำกัดบางอย่างของตัวเราเอง ของสังคม ของเทคโนโลยี แต่เราต้องแยกให้ออกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นข้อจำกัดจริงๆ หรือเป็นอุปสรรคกันแน่ ถ้าเป็นอุปสรรคที่มันแก้ยากจนเราคิดว่าเป็นข้อจำกัดแล้ว โดยมากเราจะคิดเองไม่ออก ถ้าเราไม่มายืนในจุดที่แตกต่าง หรือ มีคนนอกมาช่วยดูและแก้อุปสรรคนั้น เพราะฉะนั้นทางที่ง่ายคือ หยุดพัก แล้วค่อยๆพิจารณา หรือหาที่ปรึกษา

ส่วนข้อจำกัดที่เป็นข้อจำกัดจริงๆ ให้พึงระลึกว่า ข้อจำกัดในวันนี้ อาจมีอะไรที่มาแก้ไขได้ในวันข้างหน้า มันอาจไม่ใช่ข้อจำกัดตลอดไป เช่น ผมเคยดูหนัง Avatar และเคยได้ยินว่า ผู้สร้างเขาเขียนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีในตอนนั้น จึงไม่สามารถทำให้สร้างสรรฝันของเขาให้เป็นจริงได้ ปัจจุบันเทคโนโลยีดีขึ้น เขาจึงสร้างฝันให้เป็นจริงได้

* อย่าตอกย้ำปัญหา

บางเครั้งปัญหา หรือความไม่เข้าใจกันนิดเดียวก็ทำให้ปัญหาเล็กๆเป็นปัญหาใหญ่ได้ เปรียบเหมือนเราเป็นแผลเพราะมีเข็มมาทิ่ม เราก็เป็นแผลเล็กน้อย แต่ถ้าเรายังเอาเข็มทิ่มตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก แผลนั้นไม่มีวันหายแน่ ซ้ำร้ายยังอาจทำให้เราแย่กว่าเดิม

บางครั้งเป็นเพียงเพราะทิฏฐิในใจของเรา ทำให้เราผูก ไม่ปล่อยวาง ก็ทำให้เราเจ็บ ปัญหาจึงยังคงอยู่ในใจเรา ข้อนี้ธรรมะก็ช่วยเราได้มาก คิดไว้ว่า ถ้าแก้ใครไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเองก่อน

คิดบวก ชีวิตมีความสุข

ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงเคยได้ยิน เคยเรียน เคยอบรมเรื่องการคิดบวก พวกเรารู้ว่าการคิดบวกเป็นเรื่องที่ดี และพยายามคิดบวก แต่ปัญหาคือ เราไม่สามารถคิดบวกทุกครั้งทุกเรื่องจริงไหมครับ โดยเฉพาะเวลาที่มีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดกับตัวเอง ทำไมเหรอครับ

ถ้าถามผมว่า ทำไมเราไม่สามารถคิดบวกได้ทุกครั้ง ผมก็คิดว่า การคิดบวกเป็นสิ่งที่เราต้องฝึก การฝึกจะทำให้เราเก่งขึ้น และคิดบวกได้มากขึ้น  อีกอย่างเป็นเรื่องของอารมณ์ บาครั้งเวลาเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ จะทำให้เราเกิดอารมณ์ อาจจะเป็นอารมณ์เศร้า หรือโกรธ หรืออะไรก็ตาม เจ้าอารมณ์นี่แหละที่เป็นตัวกั้นขวางจิตใจเรา
ให้หม่นมัว และทำให้ไม่สามารถคิดบวกได้

ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่เป็นนักธุรกิจที่เก่งมาก เขามีร้านขายที่ระลึกอยู่หลายสาขา แต่ละสาขาก็ต้องจ้างพนักงานขายประจำร้าน มีอยู่สาขาหนนึ่ง ปกติก็จะมียอดขายประมาณ 90,000 บาท/เดือน แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ได้พนักงานขายที่เก่งคนหนึ่ง ทำยอดขายได้ขั้นต่ำ 200,000 บาท/เดือน ทุกเดือนมาตลอด 2 ปี เป็นยอดขายที่มากกว่ายอดเฉลี่ยที่เคยได้มากว่า 2 เท่าตลอด 2 ปี แต่วันนี้พนักงานคนนั้นกำลังจะออกจากงาน พี่เขาจึงเป็นทุกข์ และมาปรึกษาผมจะทำอย่างไรดี

ถ้าเป็นท่าน!! ท่านจะทำอย่างไร คิดอย่างไร ??
ถ้าพนักงานคนนั้นจะออกจริงๆ ก็ต้องหาพนักงานใหม่นะซิ แต่ที่แน่ๆก็คือ พนักงานทั่งไปไม่สามารถจะทำยอดขายได้ 200,000 บาท/เดือน

เจอปัญหาอย่างนี้ น่าจะเป็นทุกข์หรือเปล่า
ดูเผินๆก็น่าจะเป็นทุกข์ แต่ผมกลับแนะนำพี่เขาไปว่า ไม่เห็นน่าจะทุกข์ตรงไหนเลย น่าจะมีความสุขเสียด้วยซ้ำ เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะเขาโชคดีนะซิครับ หลายๆท่านคงงงว่าพี่เขาโชคดีอย่างไร ผมได้แนะนำพี่เขาไปว่า “พี่โชคดีมาก เพราะเหมือนพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งคนเก่งมาช่วยพี่ตั้ง 2 ปี ทำให้พี่มียอดขายมากกว่าปกติมากๆตั้ง 2 ปี อย่างนี้น่าดีใจหรือเสียใจครับ”

เราจะเสียใจ หรือเราจะดีใจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ พนักงานคนเก่งก็ลาออกอยู่ดี แล้วเราจะเสียใจ หรือดีใจ เราเป็นคนเลือก แล้วเราจะเลือกด้านที่เป็นทุกข์ทำไม เราควรจะคิดบวก และมีความสุขกับชีวิตของเรา และให้กำลังใจตัวเอง คิดวางแผนที่จะสู้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

การช่วยคนอื่นแก้ปัญหานั้นง่าย แต่หลายครั้งที่เหตุการณ์เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เราก็แย่ เราจึงต้องฝึกอย่าสม่ำเสมอที่จะคิดบวก และรู้ใจตัวเอง

WordPress Themes