Posts tagged: ภูเก็ต

จุฬาฯ ภูเก็ต เลี้ยงน้อง รร.บ้านเก็ตโฮ่

วันที่ 8 มกราคม 2553 11.00 น. พวกเราชาวจุฬาฯภูเก็ต นำโดยนายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจังหวัดภูเก็ต พี่รจนา รักแต่งาม แลพี่ๆจุฬาภูเก็ตหลายท่าน ร่วมกันแจกอาหารให้น้องๆนักเรียนโรงเรียนบ้านเก็ตโฮ่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมทั้งทำพิธีมอบ ทางเดินระหว่างอาคาร และสนามเด็กเล่น ที่ทางสมาคมช่วยปรับปรุงให้กับโรงเรียน

บรรยากาศสนุกสนานครับ น้องนักเรียนดีใจ และขอบอกว่า น้องนักเรียนที่นี่มารยาทดีทุกคนเลย และเป็นกันเองมากๆครับ

หากต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทางจุฬาภูเก็ตทำ คลิก กิจกรรมสาธารณประโยชน์ จุฬาฯภูเก็ต ปี51 ที่โรงเรียนบ้านเก็ตโฮ่

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท วิธีการรักษา

ตอนนี้ อาการเจ็บหลังจากสาเหตุหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทของผมดีขึ้นมาก หลังจากการรักษาอย่างจริงจังมาประมาณ 2-3 สัปดาห์ บางวันไม่เจ็บเลย บางวันก็เจ็บบ้าง แต่เล็กน้อยมากถ้าเทียบกับแรกๆ นอนได้โดยไม่เจ็บมากแล้ว (ยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อย บ้างเป็นบางครั้ง) เลยอยากแบ่งปันให้ทุกคนทราบว่าปฏิบัติตัวและรักษาอย่างไร

จริงๆแล้ว ผมเอาทุกทางที่มีคนแนะนำ และคิดว่าน่าจะช่วยได้ เพราะไม่อยากผ่าตัด และอยากหายเร็วๆ

1. กายภาพบำบัด
ผมทำกายภาพบำบัดแทบทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดของโรงพยาบาล) สิ่งที่นักกายภาพบำบัดทำให้ผมคือ อบแผ่นร้อน ทำอัลตร้าซาวด์ และดึงคอ การอบแผ่นร้อน และทำอัตร้าซาวด์จะช่วยลดปวด ซึ่งก็น่าจะช่วยได้

ผมคิดว่าโรงพยาบาล และคลินิกกายภาพหลายแห่งให้บริการนี้ได้

2. การจัดการะดูก
ผมทำการจัดกระดูกไปหลายครั้ง ทุกครั้งก็รู้สึกดีขึ้นครั้งละนิด จำได้ว่าตอนพบหมอจัดกระดูกครั้งแรก หมอให้นอนคว่ำที่เตียงจัดกระดูก ผมเจ็บมากจนหายใจถี่ๆ ทำให้หมอต้องสอนวิธีหายใจ หลังจากจัดกระดูกครั้งที่ 3 ผมสามารถนอนคว่ำบนเตียงจัดกระดูกได้โดยไม่เจ็บมาก บ่งบอกว่าอาการปวดของผมดีขึ้นมาก

การจัดกระดูกนั้นช่วยลดความกดดันระหว่างกระดูกที่ทับหมอนรองกระดูก หมอจัดกระดูกให้ผมไล่ตั้งแต่ช่วงสะโพกมาถึงคอ หมอบอกว่า ถ้ากระดูกอยู่ในตำแหน่งที่ดี ก็ช่วยลดแรงกดทับได้ตั้งแต่สพโพกถึงคอ

ที่ภูเก็ตตอนนี้เท่าที่ผมรู้มีหมอจัดกระดูกอยู่ 2 ที่
– คลินิกกายภาพบำบัดภูเก็ต โทร 076217134 – โดยหมอวีเรียนด้านจัดกระดูกมา ที่นี่เขาจะจัดกระดูก อบแผ่นร้อน และทำอัลตร้าซาวด์ให้ โดยคิดค่าบริการครั้งละ 600 บาท
– โรงพยาบาลสิริโรจน์ – Dr. Joe เป็นหมอชาวอเมริกัน ที่ใบอนุญาตด้านจัดกระดูก เปิดบริการทุกจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 13.00-16.00น. ค่ารักษาครั้งระ 1500 บาท การจัดกระดูกไม่สามารถเบิกประกันได้นะครับ เพราะเขาบอกว่าเป็นแพทย์ทางเลือก
* สำหรับผม ช่วงหลังผมไปรักษากับ Dr. Joe เพราะรู้สึกว่าเขาจัดให้ผมเยอะในแต่ละครั้ง แพงกว่าก็ยอม เพราะใจร้อน แต่คุณแม่ยาย และป้าสะใภ้ของผมรักษากับหมอวี แล้วอาการก็ดีขึ้นเหมือนกัน

3. ใช้เครื่องออกกำลังกาย Hang Up
Hang Up หรืออุปกรณ์ Inversion Table อันละ 20,075 บาท ช่วยให้เราสามารถห้อยหัวได้อย่างปลอดภัย โดยผมเริ่มบำบัดโดยให้เอียงน้อยๆก่อนเพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ ไม่เวียนหัวมาก เริ่มจาก 30 องศา แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้น ตอนนี้ทำที่ประมาณ 45 องศา

การใช้ Hang Up จะช่วยลดการกดทับของกระดูกที่ไปทับหมอนรองกระดูก หมอนรองกระดูกก็ไม่ไปทับเส้นประสาท เป็นหลักการธรรมชาติที่ให้กันมาหลายร้อยปีแล้ว

4. ใช้ผ้าขนหนูม้วนรองต้นคอเวลานอน
อันนี้ใช้ผ้าขนหนู หรือหมอนข้างใบเล็กๆของเด็กมารองต้นคอแทนหมอนครับ ปรับขนาดให้เหมาะกับตัวเอง สูตรนี้ได้มาจากพี่หนี CU ครับ เพราะพี่หนีนอนโดยไม่ใช้หมอนมาหลายปีแล้ว พ่อพี่หนีก็มีอาการเหมือนกัน ใช้วิธีนี้ก็ดีขึ้น สำหรับผมคิดว่าวิธีนี้สามารถช่วยได้ระดับหนึ่ง

5. ฝังเข็ม
ฝังเข็มช่วยลดอาการปวดได้ ครั้งสุดท้ายที่ผมฝังเข็ม สามารถลดอาการปวดได้อย่างชัดเจน การฝังเข็มนี้ต้องใช้เวลาทำหลายครั้งครับ ไม่สามาระทำครั้งเดียวแล้วหาย ผมก็ถามหมอตรงๆว่า ฝังเข็มจะช่วยอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้อย่างไร หมอที่ฝังเข็มแนะนำผมว่า การฝังครั้งแรกๆนั้น เพื่อช่วยลดอาการปวด ครั้งต่อๆไปก็จะเป็นการปรับสมดุลหยินหยางในร่างกายเพื่อให้อาการดีขึ้น

การฝังเข็มในภูเก็ตที่ผมรู้มี 2 ที่ครับ
– โรงพยาบาลสิริโรจน์ – หมอฝังเข็มอยู่ประจำที่โรงพยาบาลสิริโรจน์เลย บริการครั้งละ 1,000 บาท ขอบอกว่าไม่สามารถเบิกประกันได้นะครับ เพราะเขาบอกว่าเป็นแพทย์ทางเลือกเหมือนการจัดกระดูก
– หมออุย ที่หมู่บ้านร่มไม้ชายเล ให้บริการฝังเข็ม ประมาณทุกวันอาทิตย์ – อังคาร ต้องเช็ควันทำการเป็นครั้งๆไป และหมออุยมีคลินิครับฝังเข็มที่กรุงเทพด้วย
* ผมรักษากับหมออุย เพราะมีญาติๆหลายคนรักษากับหมออุยครับ และหมออุยทำการจัดกระดูกให้ด้วย

6. การนวดแผนไทย
ผมเชื่อว่าการนวดช่วยลดความเจ็บปวดได้ แต่ตอนนวดเจ็บมากนะครับ (บางครั้ง) แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ บางครั้งถ้าเจ็บจนทนไม่ไหว ไปนวด หายเร็วกว่าทำกายภาพเยอะ

ข้อควรระวังคือ อย่าให้นวดตรงที่หมอนรองทับเส้นประสาท เพราะอาจทำให้แย่หนักขึ้น

ในภูเก็ต เชื่อว่ามีที่นวดหลายที่ ผมไปนวดที่อนามัยแหลมชั่นครับ เป็นหมอแผนโบราณของรัฐบาล ถ้ามีบัตรทองไม่ต้องเสียตังค์ ถ้าไม่มีก็ครั้งละ 100 บาท
หวังว่าข้อมูลนี้คงมีประโยช์กับทุกท่านครับ ถ้าอยากรู้หรือสงสัยตรงไหนก็เขียนมาถามได้ครับ
เอิง

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น

ผมต้องตกใจตั้งสติแทบไม่ทัน เมื่อรู้จากหมอว่าตัวเองเป็นโรคยอดฮิตของคนสูงอายุ “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท” ทั้งๆที่เราไม่น่าจะเป็นโรคนี้เมื่ออายุแต่สามสิบต้นๆ

จริงๆเหตุเกิดเมื่อสองปีที่แล้วครับ เมื่อผมปวดบริเวณสะบักซ้าย แล้วร้าวไปบริเวณแขนด้านซ้าย โดยรู้สึกได้ถึงนิ้วก้อยด้ายซ้าย ตอนนั้นผมก็เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หมอฉีดยาแก้ปวด ทำกายภาพบำบัด รู้สึกอาการดีขึ้น แต่ก็ไม่หายโดยสิ้นเชิง รู้สึกปวดเมื่อยบริเวณสะบักซ้า ยอยู่บ้าง ก็ลองแก้ปัญหาหลายวิธี หาหมอ 2-3 ท่าน ก็ไม่หาย จนสุดท้ายก็ได้ลองการนวดแผนไทย ก็ทำให้อาการปวดหายไป ผมจึงคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก อาจจะเคลื่อนไหวผิดท่าผิดทาง เลยทำให้เอ็นจม หรืออะไรประมาณนั้น

อาการปวดหายไป 2 ปี จนเมื่อ 3-4 สัปดาห์ที่แล้ว ผมเริ่มปวดอีกครั้ง อาการก็เริ่มปวดบริเวณสะบักด้านซ้าย แล้วค่อยๆปวดลงไปที่แขนซ้ายด้านหลัง อาการเป็นเหมือนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมก็ไม่หนักใจอะไรมาก เพราะคิดว่าคงไปนวดและก็น่าจะหายเหมือนเดิม ทุกครั้งที่ผมไปนวดอาการก็ดีขึ้นจริงๆครับ แต่ 2-3 วันมันก็เจ็บขึ้นมาอีก ผมจึงลองหาทางอื่นที่จะทำให้หายเจ็บ คุณแม่ยายก็แนะนำให้ไปลองตรวจที่คลีนิคกายภาพ หมอที่คลีนิคกายภาพ หมอก็ลองให้ผมขยับแขนขึ้นลง ทำท่าทางต่างๆ แล้วหมอก็บอกว่า น่าจะเป็นเพราะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไม่เชื่อก็ให้ลองไปเอ็กซเรย์ดูได้

ผมก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อหรอกครับ เพราะหมอก็อธิบายทุกอย่างแบบมีเหตุ มีผล แต่ก็อยากจะตรวจดูให้ชัดๆ ก็เลยลองไปโรงพยาบาลสิริโรจน์ เพื่อตรวจดูอย่างละเอียดอีกที ก็ได้เจอกับหมอสมศักดิ์ ที่เป็นหมอเชี่ยวชาญด้านกระดูก ตอนแรกคุณหมอก็ให้ไปเอ็กซเรย์ช่วงคอ คุณหมอก็พบความผิดปกติอย่างหนึ่งคือ ปกติกระดูกคอจะโค้งไปทางด้านหลัง แต่ของผมกลับตรงและงุ้มมาทางข้างหน้าเล็กน้อย หมอก็ถามว่า ผมเคยประสบอุบัติเหตุอะไรหรือไม่ ผมก็ตอบว่าไม่เคย หลังจากนั้นคุณหมอก็ส่งผมไปทำ MRI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตในวันเดียวกัน ผมเดาว่าเพื่อให้เห็นการกดทับที่ชัดเจนขึ้น

วันรุ่งขึ้นผมก็ได้พบหมออีกครั้ง และหมอก็บอกว่าอาการของผมนั้นเกิดจาก หมอนรองกระดูกที่คอประมาณชิ้นที่ 5-7 ทับเส้นประสาท โดยหมอนรองกระดูกมันปลิ้นออกมาแล้ว และทางที่จะรักษาให้หายทางเดียวก็คือต้องผ่าตัด โดยต้องผ่า 2 ที่ คือที่สะโพก และที่คอ ผ่าสะโพกเพื่อเอากระดูกสะโพกมาแปะไว้ที่คอ หัวใจผมไม่ได้หล่นไปที่ตาตุ่มนะครับ แต่มันเหมือนหล่นหลุดไปจากร่างไปเลย งงบตัวเองอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ทำไงได้ก็มันเป็นแล้วนี่ หลังจากวันนั้นผมก็ต้องทำกายภาพบำบัดต่อเนื่องมา

สองวันหลังจากได้ทำกายภาพบำบัด ก็บังเอิญได้เจอกับพี่อนุรักษ์ขณะกำลังรอลิฟต์ หลังจากนั้นได้คุยกับพี่อนุรักษ์ พี่อนุรักษ์ก็แนะนำว่าที่โรงพยาบาลสิริโจน์เพิ่งจะมีหมอจัดกระดูก ถ้าผมสนใจก็จะนัดให้ ผมคิดว่าผมไม่อยากผ่าตัด ถ้ามีทางไหนที่ลองได้ก็อยากลองทั้งนั้น ก็เลยรอพบอหมอจัดกระดูก

หมอจัดกระดูกชื่อ Dr. Joe น่าจะเป็นชาวอเมริกัน ผมก็เอาฟิล์ม MRI ให้หมดดู แล้วผมก็ถามหมอตรงๆว่า ถ้าผมจัดกระดูกกับหมอแล้ว ผมไม่ผ่าตัดได้ไหม หมอก็บอกว่า “อาจจะไม่ได้” แต่สิ่งที่อาจเป็นไปได้คือ อาจช่วยยืดการผ่าตัดออกไป โดยอาจไม่จำเป็นต้องผ่าตอนนี้ แต่อาจเป็นอีก 2 ปี, 5 ปี, 10 ปี หรือ 20 ปี ขึ้นอยู่กับตัวผมเองว่าตอบรับการรักษาได้ดีแค่ไหน สิ่งที่หมอ Joe พูดคือ เราควรจะยืดการผ่าตัดให้ได้นานที่สุด เพราะอย่างน้อยเทคโนโลยีด้านการผ่าตัดในอนาคต ย่อมน่าจะดีและปลอดภัยกว่าในปัจจุบัน ก็เป็นทัศนะที่ดี และผมก็เห็นด้วย

หลังจากออกจากโรงพยาบาล ภรรยาสุดที่รักก็ให้ผมไปลองตรวจกับหมอบุญเลิศ เพราะเป็นหมอด้านประสาทที่เก่งคนหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ผมเองด้วยความรักและยำเกรงก็ไป ตามคำสั่งโดยดี (ล้อเล่น) คุณหมอก็บอกว่าเป็นมากเหมือนกัน ต้องผ่าตัด แต่คราวนี้มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบแรกคือเอากระดูกสะโพกมาแปะที่คอให้ มันแข็งไว้ กระดูกคอจะได้ไม่กดทับ แบบที่2 คือ ต้องใส่หมอรองกระดูกเทียม ซี่งใบหนึ่งราคาประมาณ 1 แสนบาท และที่รู้ๆผมต้องใส่ไม่ต่ำกว่า 2 ใบ แต่เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม เรื่องใหญ่คือไม่มีเงิน ไม่ใช่ครับ ประเด็นคือการผ่าตัดนั้น ผลก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หมอบอกว่ามีโอกาสพลาด 20% ไม่ได้หมายความว่าหมอพลาด แต่ผลอาจไม่แน่นอนจนอาจถึงชีวิตได้ หมอบอกว่านี่เป็นสถิติทั่วโลก จึงอยากให้การผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้าย คุณหมอจึงสั่งให้ผมทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง แล้วค่อยมาดูอาการกันอีกที

ที่ผมเขียนมาตั้งนานจนถึงตอนนี้ ก็อาจจะเตือนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน ไม่อยากให้เป็นเหมือนผม ผมเจอหมอทุกคน ทุกคนก็มักจะถามผมว่าเคยประสบอุบัติเหตุอะไรหรือไม่ ผมคิดแล้วคิดอีกก็น่าจะไม่เคย และก็บอกว่าปกติโรคนี้ไม่น่าจะเป็นในขณะที่อายุเพียงแค่นี้  หลังจากที่ผมได้คิดแล้ว ก็น่าจะพอสรุป ณ ตอนนี้ได้ว่า น่าจะเป็นเพราะผมทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆโดยไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถ เพราะกระดูกคอของผมแทนที่จะแอ่น ไปด้านหลังเหมือนคนทั่วไป และกลับตรงและงอมาหน้าเล็กน้อย บวกกับการไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แถมยังทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่อีก เลยทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอ เป็นอย่างนี้สะสมมากว่าสิบปี จึงทำให้ป่วยเพราะความละเลย และความประมาทของตัวเอง

จุฬาฯภูเก็ต เลี้ยงข้าวผู้สูงอายุ-บ้านพักคนชรา ต.ป่าคลอก

ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 พวกเราชาวจุฬาฯ นำโดย คุณรจนา รักแต่งาม นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกันเลี้ยงอาหารเย็นแก่ผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชรา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ให้กับผู้สูงอายุ

เป็นครั้งแรกครับที่ผมได้ไปบ้านพักคนชรา ก็รู้สึกประทับใจมากครับ และดีใจที่ได้ร่วมกันทำความดี พวกเราไปถึงบ้านพักคนชราประมาณ 15.30 น.  ทางบ้านพักคนชราได้เตรียมอาหารไว้แล้ว 2 อย่าง พวกเราเตรียมกับข้าวไปเพิ่ม รวมถึงไอสครีมอีก 1 ถัง

ในระหว่างการเตรียมอาหาร พวกเรา นำโดย ฝน (กิรนุช) ก็ได้ชวนคุณปู่คุณย่าเล่นเกมส์เล็กๆน้อยๆเพื่อให้ของรางวัล ทำให้ท่านสนุกสนาน จากนั้นคุณปู่คูณย่าอดีตนักน้องสังกัดค่ายดังหลายท่านก็สับเปลี่ยนกันร้องเพลงให้พวกเราฟัง ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความอบอุ่น

หลังจากท่านรับประทานอาหารเย็น คุณปู่คุณย่าก็ได้อร่อยกับไอศครีม หลายท่านมาขอเพิ่มด้วย ก็ทำให้พวกเรารู้สึกมีความสุขไปตามๆกัน

ขอขอบคุณ สำหรับสิ่งของเครื่องใช้ที่บริจาคโดย คุณศรีญา ยงสกุล (Phuket Shopping Center)
ขอขอบคุณ สำหรับภาพในงานจากกล้อง พี่บุญเลิศ และเอิง

การแข่งขันฟุตซอล จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ จ.ภูเก็ต 2552

 การแข่งขันฟุตซอล จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ จังหวัดภูเก็ต ก็ผ่านไปพร้อมภาพ รอยยิ้มและมิตรภาพ ที่ศิษย์เก่าทั้งสองสถาบันมีให้แก่กัน

ผลการแข่งขัน ฟุตซอล ธรรมศาสตร์ ชนะ จุฬาลงกรณ์  7 ต่อ 5
ผลการแข่งขัน วิ่งเปรี้ยว Super Girl จุฬาลงกรณ์ ชนะ ธรรมศาสตร์
ผลการแข่งขัน ปิดตาตีป๊บอาวุโส จุฬาลงกรณ์ ชนะ ธรรมศาสตร์ 

 เบื้อหลังเกมส์การแข่งขัน

ผมคิดอยู่นานว่าผมควรจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังหรือไม่ แต่ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกคนควรจะรู้ความจริงเสียที
 
091114_cu_tu_039อันที่จริงก่อนแข่งขัน ผมได้รับการขอร้องเชิงอ้อนวอนจากพี่วิทยาว่า ครั้งนี้ธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน อยากให้ธรรมศาสตร์เป็นฝ่ายชนะ

ผมก็คุยกับพี่เขาว่า มันจะดีหรือ ทำอย่างนี้เหมือนกับแหกตาประชาชนเลย

พี่วิทยาทำหน้าเศร้า เหมือนกับจะร้องไห้ เริ่มเอามือขยี้ตา (สังเกตตอนช่างภาพจับภาพได้)


ผมด้วยความเป็นน้อง และก็คิดว่า เราจัดงานก็เพื่อความสัมพันธ์อันดี ผลแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมจึงตัดสินใจไปคุยกับโก้ ผู้จัดการทีม CU
 
091114_cu_tu_041โก้เครียดมากครับ ไม่นึกว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น แต่ก็รับปากจะจัดการให้แบบเสียไม่ได้
 
 จะเห็นว่าครึ่งแรก จุฬาฯ แพ้ ธรรมศาสตร์ ไปถึง 3 ลูก สกอร์ 1:4
 
 พอจบครึ่งแรก โก้บอกว่า อย่างงี้ไม่ไหว ครึ่งหลังเราจึงตีตื้นขึ้นมาจนเป็นฝ่ายชนะ สกอร์เป็น 5:4

 

 ผมจึงต้องไปคุยกับโก้อีกครั้ง ว่ารับปากกับพี่เขาไว้แล้ว

 
091114_cu_tu_071 โก้เครียดครับ (สังเกตจากภาพถ่าย) ต้องสั่งให้นักฟุตบอลยิงลูกโทษไม่เข้าถึง 2 ลูก ติดๆกัน
 
 สุดท้ายจุฬาฯ จึงแพ้ ธรรมศาสตร์ ด้วยสกอร์ 5:7
 
 ตอนพี่วิทยารับถ้วยรางวัล ตายังแดงๆ ยิ้มไม่เต็มปากเลยครับ (สังเกตตอนช่างภาพจับภาพได้)
 
ผมขอรับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายตัวจริง สาบานได้ ที่ผมเล่ามาทั้งหมดไม่เป็นความจริงเลย เป็นเรื่องแต่งขึ้นมา 100% ก็ขอแซวกันสนุกๆนะครับอย่าคิดมาก ได้คุยกับทางธรรมศาสตร์เพื่อบอกพี่วิทยาไว้แล้ว ไม่รู้ว่าแต่งเรื่องได้ขนาดนี้พอจะไปเขียนนิยายขายได้หรือยัง

รายงานการแข่งขันจากทางธรรมศาสตร์

การแข่งขันฟุตซอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาก็ผ่านไปแล้วนะครับ โดยทางทีมธรรมศาสตร์เป็นฝ่ายชนะจุฬา ไปด้วยสกอร์ 7-5 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่เรียกว่าสนุกไม่แพ้ English Premere Leage เลย
ส่วนการแข่งขันวิ่งเปรี้ยวของนักกีฬาหญิงและเกมปิดตาตีปี๊บของนักกีฬาอาวุโส เราออมมือให้ทางจุฬาได้สะกดคำว่าชนะบ้าง (กลัวว่าเดี๋ยวปีหน้าเขาไม่มาแข่งกับเรา 555) รู้สึกว่าเขาดีใจเหมือนได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเลย 

ภาพการแข่งขันฟุตซอลครั้งนี้ได้จากกล้องของพี่บุญเลิศ พี่หนิง(พี่มด) พี่เหน่ง และเอิง ครับ

 
  

กิจกรรมสาธารณประโยชน์ จุฬาฯภูเก็ต ปี51 ที่โรงเรียนบ้านเก็ตโฮ่

กิจกรรมสาธารณะประโชน์ของสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯภูเก็ตปีนี้เลือกที่จะช่วงเหลือ โรงเรียนบ้านเก็ตโฮ่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ในการจัดซื้อปั้มน้ำ สร้างทางเดินเชื่อมระหว่างอาคาร และ ปรับปรุงสนามเด็กเล่น โดยมีผู้สนับนุนหลักดังนี้

1. โครงการปั้มน้ำ
– ปั้มน้ำ และอุปกรณ์ บริจาคโดย
   * คุณพรพินิจ พัฒนสุวรรณา (บี้)
   * คุณสุรัตนา สุวรรณดิษฐกุล (หลี่)
   * คุณจันทรา แสงศรีรัตนกุล (จิ๋ม)
   * คุณถนอมจิต จันทรประทิน (หมู)
– ดำเนินการติดตั้งโดย ทีมงาน คุณกฤติกา ปัจฉิม (กิ๊บ)
 
2. โครงการสร้างทางเดิน+หลังคา เชื่อมระหว่างอาคารเรียนไปยังห้องน้ำ
– บริจาคโดย สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจังหวัดภูเก็ต
 
3. โครงการปรับปรุงสนามเด็กเล่น
– เครื่องเล่นใหม่ 2 ชิ้น ม้าโยก และชิงช้า บริจาคโดย สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจังหวัดภูเก็ต
– เครื่องเล่นที่นำมาปรับปรุง 1 ชิ้น กระดานลื่น บริจาคโดย คุณเสาวนีย์ อดุลย์แก้วผลึก (ต่าย)
– เครื่องเล่นที่นำมาปรับปรุง 1 ชิ้น กระดานลื่น บริจาคโดย คุณกิระนุช ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา (ฝน)
– สีที่ใช้ในการปรับปรุงเครื่งเล่น บริจาคโดย คุณพูลศรี เวศย์วรุตม์ (ต่าย)
 
ผู้ประสานงานโครงการ
– คุณบุณณดา เสมอมิตร (ก้อย)
– คุณลัพธวิทย์ อารีราษฏร์ (เอิง)
– คุณวรพล อึ่งตระกูล (ต้น)

โรงเรียนบ้านเก็ตโฮ่มีเด็ก อนุบาล ถึง ป.6 มีนักเรียนประมาณ 120 คน ก็เฉลี่ยชั้นละประมาณ 20 คน นักเรียนค่อนข้างน่ารัก อัธยาศัยดี น่าจะเป็นเด็กที่มีบ้านแถวนั้น

จริงๆแล้วทางโรงเรียนบ้านเก็ตโฮ่ต้องการความช่วยเหลือในหลายด้านครับ ตั้งแต่ตอนเข้าไปครั้งแรก ก็ตกตะลึง เพราะฝาคูน้ำที่ทำด้วยเหล็กแทบทุกฝาโดนขโมยไปหมด ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่งั้นอาจตกคู สภาพอาคารเรียน และอาคารต่างๆอยู่ในสภาพทรุดโทรม หลังคาแตก มีรอยรั่วหลายแห่ง

สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจังหวัดภูเก็ต เดิมคิดว่าปีนี้อยากทำโครงการสนามเด็กเล่นให้เด็กๆเพียงอย่างเดียว จึงต้องเปลี่ยนแผนเมื่อเห็นบางอย่างที่จำเป็น และสำคัญมากกว่าสนามเด็กเล่น หลังจากได้ประชุมกันก็ได้ข้อสรุปว่า

1. เราต้องช่วยซื้อปั้มน้ำ เนื่องจาก ถ้าไม่มีปั้มน้ำโรงเรียนก็ต้องซื้อน้ำประปา การมีปั้มน้ำจะช่วยลดรายจ่ายของโรงเรียนในอนาคต และทำให้มีเงินเหลือไปทำอย่างอื่นได้

2. โรงเรียนมีห้องน้ำใหม่ แต่ยังไม่ได้เปิดใช้ เพราะไม่มีทางเชื่อมระหว่างอาคารเรียนไปยังห้องน้ำ ถ้าไม่มีทางเชื่อม เด็กๆก็ต้องเดินตากแดดตากฝนไปห้องน้ำ

3. ยังคงทำสนามเด็กเล่น เพื่อเด็กๆ (แต่ลดงบประมาณลง)  เพราะจากที่เห็น เครื่องเล่นเครื่องเดียวที่เด็กๆเล่นกันอยู่นั้นเก่า (ตั้งอยู่ใกล้ถังขยะ) และอีกอันถูกเก็บอยู่ในโรงอาหาร ไม่ได้วางไว้ให้เด็กเล่น

แน่นอนครับ เมื่อมีงานทำเพิ่มขึ้น งบก็บานปลาย ก็ได้พี่น้องหลายท่านช่วยเหลือทำให้โครงการเดินหน้าได้

ผลหลังจากที่เราเข้าไปทำโครงการแล้ว อย่างอื่นยังวัดไม่ได้ แต่สนามเด็กเล่นที่เราปรับปรุงใหม่นั้น มีเด็กทั้งโรงเรียนไปเล่นช่วงพักเที่ยง อย่างสนุกสนาน อันนี้ได้รับข้อมูลจากแม่ครัวนะครับ (เครื่องเล่นตั้งอยู่หน้าโรงอาหารครับ) และเด็กๆชอบกันมาก จริงๆเด็กๆมาเฝ้ารอเล่นเครื่องเล่น และแอบเล่นกันตั้งแต่ก่อนติดตั้งเสร็จครับ ทำให้สีถลอกหมด ช่างต้องไปเก็บสีใหม่อีกรอบ ก็แอบดีใจแทนเด็กๆครับ

ข่าวดีอีกเรื่องคือ ระหว่างที่ผมไปตรวจงานก่อสร้างอยู่ ผอ.โรงเรียน ก็ได้แจ้งว่ามีบริษัทเอกชนรายดี ให้งบปรับปรุ่งโรงเรียนหลายแสนบาท ก็ช่วยปรับปรุงโรงเรียนอีกหลายจุด

มีภาพมาฝากครับ ตั้งแต่ก่อนทำ ระหว่างทำ และหลังทำครับ

CU Party Contest 2009 – งานราตรี จุฬาลงกรณ์ ภูเก็ต 2551

งานราตรีจุฬาปีนี้ในสายตาของผมถือว่าประสบความสำเร็จมากครับ จากเด็กคนหนึ่งที่ทำอะไรไม่เป็นเลย และพี่ๆจุฬาฯได้ให้โอกาสช่วยงานหลายปี จากการแนะนำของพี่มด ทำให้ผมได้เข้าวงการ (ว้าว!!) ผมยังจำได้ ปีแรกๆ พี่หมอนัฐ (หมอฟันใจดีมือเบา) ต้องตามดูผมทำงานแทบทุกฝีก้าวเลย

ที่ผมมองว่างานราตรีจุฬาปีนี้ประสบความสำเร็จมาก ผมวัดจากจำนวนพี่น้องที่เข้าร่วมงาน ส่วนมากอยู่กันจนถึงงานจบ ไม่กลับเร็ว แสดงว่าการแสดงบนเวทีน่าสนใจ อีกประการหนึ่ง ทุกๆกิจกรรมบนเวทีก็ได้รับการตอบรับอย่างดี วัดได้จากเสียงตบมือ และเสียงกรี๊ดที่ดังสนั่นเป็นช่วงๆ และที่ขาดไม่ได้ เงินที่ได้รับจากการขายดอกไม้ก็ได้มาก ตั้งสามหมื่นกว่าบาท ทำให้สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯภูเก็ตสามารถมีเงินไปช่วงงานสาธารณะกุศลได้อีกมาก

ปีนี้งานคงไม่สามารถสำเร็จได้โดยเลิศหรูอลังการ หากไม่ได้แม่งานอย่างพี่ก้อย ที่ทำอะไรเลิศเสียทุกอย่างปานเนรมิต มีน้องหลุยส์ น้องใหม่ที่เริ่มเข้ามาช่วยงานในปีนี้ ทำหน้าที่วางแผนงานบนเวทีทั้งหมดอย่างดี และรวมถีงพี่น้องทุกท่านที่ช่วยกันทำงานทั้งเบื้องหลัง และเบื้องหน้าอย่างดีเยี่ยม

รูปงานจุฬาฯนี้ได้จากกล้องของช่างภาพของพี่รจครับ พี่ใหญ่ใจดีที่สนันสนุนงานทุกๆงานของเรา

ย้อนอดีต ฟุตบอล จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ภูเก็ต ปี2551

การแข่งขันฟุตบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์ ภูเก็ต ปีนี้เป็นครั้งที่ 2 ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะครับ เราจะเจอกันวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 นัดรวมพลเวลา 14.00-14.30 น. ที่สนามกีฬา 1 สะพานหิน (สนามบาส)  นะครับ พิธีเปิดจะเริ่มเวลา 15.00 น.
 
เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย และไม่ให้ลืมกัน ผมจีงนำรายงานผลการแข่งขันฟุตบอลจุฬา-ธรรมศาสต์ปีที่แล้ว มาโพสให้ใหม่อีกครั้งครับ
23 Oct 2008 – 16.00 – Surakun Stadium – Phuket
CU-TU Phuket Football 2008

23 ตุลาคม 2551 – 16.00 น. – สนามกีฬาสุระกุล จังหวัดภูเก็ต
การแข่งขันฟุตบอลสานสันพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ จังหวัดภูเก็ต ปี 2551

สวัสดีครับเพื่อนๆ พ่อแม่ พี่น้อง

ผลการแข่งขันฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ภูเก็ตของเราปีนี้ ปรากฎว่า บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือพวกเราทุกคนได้สนุกสนาน รู้จักกันมากขึ้น ทุกกิจกรรมได้รับการร่วมมืออย่างดีจากทุกท่านทั้งทางจุฬาฯ และ ธรรมศาสตร์

ผมขออกตัวก่อนว่าไม่ค่อยสันทัดในกีฬาฟุตบอลเท่าที่ควร แต่ก็ได้ดูกีฬาอย่างเช่น เทนนิส บ่อยๆ จึงขอสรุปผลการแข่งขันดังนี้

การแข่งฟุตบอล ครี่งแรก (น่าจะเหมือนเทนนิสแซตแรก) จุฬาฯชนะธรรมศาสตร์ 1-0
การแข่งฟุตบอล ครี่งหลัง (น่าจะเหมือนเทนนิสแซตที่สอง) ธรรมศาสตร์ชนะจุฬาฯ 3-0
จริงๆแล้วน่าจะเรียกว่าเสมอกันหนี่งเซตต่อหนึ่งเซตไม่ใช่หรือครับ แต่สุดท้าย ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมกรรมการมอบถ้วยให้ธรรมศาสตร์ กีฬาฟุตบอลนี่ดูยากจริงๆ


การแข่งขันวิ่งผลัดหญิง 8*50 นั้น จุฬาฯ ชนะ ธรรมศาสตร์ ไป 5 ช่วงตัว

การแข่งขันเตะปี๊บของทีม สว.ชาย (พี่ๆสูงวัยชาย) นั้น เรื่องความไกล จุฬาฯชนะขาดลอย แต่รู้สึกว่าธรรมศาสตร์จะเตะได้สูงกว่านะครับ

เป็นการรายงานในมุมมองนักข่าวมือสมัครเล่นคนใหม่ครับ ถ้าผิดพลาดอย่างไรช่วยวิจารณ์ด้วยนะครับ

เจอกันในการแข่งขันครั้งหน้าครับ
เอิง & ออกัส (เด็กซนๆที่วิ่งรอบสนามในวันงาน)

ขบวนแห่พระ อ๊ามจุ้ยตุ่ย

อ๊ามจุ้ยตุ่ย เป็นอ๊าม หรือศาลเจ้าที่มีม้าทรง และมีคนนิยมมาถือศีลกินเจมากที่สุดในจังหวัดภูเก็ต ผมและครอบครับก็มักจะได้ดูขบวนแห่ของอ๊ามจุ้ยตุ่ยเป็นประจำทุกปี เพราะขบวนแห่ผ่านหน้าออฟฟิศเพียวคาร์เร้นท์ของเรา ปีนี้ขบวนแห่มาแบบไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่นัก ริ้วธง และขบวนจึงไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่

ขบวนแห่อ๊ามจุ้ยตุ่ยปีนี้ แห่วันที่ 24 ตุลาคม 2552 มาถึงหน้าเพียวคาร์เร้นท์ ประมาณ 07.20 น. กว่าขบวนจะผ่านหมดก็กินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ แต่หลังจากนั้นรถในเมืองจะติดมากๆไปจนถึงประมาณเที่ยงวัน เพราะฉะนั้น ท่านที่วางแผนดูขบวนแห่อ๊ามจุ้ยตุ่ยของทุกปี จะต้องเผื่อเวลารถติดไว้ด้วย หรือ หาที่จอดรถในบริเวณนอกบริเวณใจกลางเมือง แล้วเดินเข้ามาดูขบวนแห่

เก็บภาพขบวนแห่พระ อ๊ามจุ้ยตุ่ยมาฝากกันครับ

หาของกิน หน้าอ๊ามจุ้ยตุ่ย

สีสรรค์หนึ่งของเทศกาลกินเจ คงหนีไม่พ้นอาหารเจที่จริงๆแล้วรสชาติไม่แพ้อาหารทั่วไป แต่ผมรู้สึกว่า อาหารเจปีนี้แพงอยู่เหมือนกัน คือ ราคาก็อยู่ระดับมาตรฐาน 30-40 บาท แต่ปริมาณอาหารที่ได้รู้สึกว่าจะน้อย

และเมื่อนึกถึงอาหารเจ ในเทศกาลกินเจที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว ถ้าไม่ได้มาตระเวนชิมอาหารแถวหน้าอ๊ามจุ้ยตุ่ย เหมือนกับการกินเจในปีนั้นมันขาดอะไรไปสักอย่าง ในปีนี้ ผมก็ได้ไปชิมอาหารเจหน้าอ๊ามจุ้ยตุ่ยประมาณ 2-3 ครั้ง ก็เลยเก็บภาพมาฝากครับ

WordPress Themes